就在9月的最后一天,泰国驻华大使馆公布了2021年度泰语演讲比赛的获奖名单,泰语君有幸获得了研究生及博士组的第三名,希望能借这篇推文把好运带给大家!

今年的泰语演讲比赛分为本科生组和研究生以及博士组,比赛以线上的形式进行。本次比赛由两部分组成,即“写作+演讲(以视频的形式参赛)”。研究生以及博士组的写作题目为“疫情后的中泰合作”。


(图源:泰国驻华大使馆官网)

以下是泰语君的参赛作文:

ความร่วมมือไทย-จีน ยุคหลังโควิด-19

หากต้องหาคำใดคำหนึ่งมาพรรณนาความสัมพันธ์ไทย-จีน คำว่า “เพื่อนแท้ในยามยาก” น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะเมื่อหวนทบทวนประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-จีนนั้น ทั้งสองประเทศได้พิชิตอุปสรรคนานัปการ ผ่านร้อนผ่านหนาวไปพร้อมกัน จึงทำให้ความสัมพันธ์อันมีมาช้านานนี้สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น ปี 2020 เป็นปีครบรอบ 45 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน และในฤกษ์งามยามดีนี้ความสัมพันธ์ไทย-จีนได้ผ่านบททดสอบไปอีกครั้ง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ายิ่งตกอยู่ในภาวะที่สิ้นหวังมากเท่าไร ความสัมพันธ์ไทย-จีนกลับยิ่งใกล้ชิดมากขึ้นเท่านั้น เปรียบเสมือนดวงจันทร์ที่เปล่งประกายท่ามกลางความมืดมน ส่องแสงสว่างให้กับประชาชนทั้งสองประเทศก้าวไปข้างหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ดังนั้น จึงไม่มีคำไหนจะดีเท่ากับคำว่า “เพื่อนแท้ในยามยาก” หากเมื่อกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-จีน

ตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ทั้งสองประเทศได้ส่งเสริมความร่วมมือในทุกระดับ ทุกรูปแบบและทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคประชาชน ต่างก็แสดงความห่วงใยและให้กำลังใจต่อกันผ่านช่องทางต่าง ๆ ดั่งคำจีนที่กล่าวไว้ว่า ภัยพิบัติมันโหดร้ายแต่โลกมนุษย์เราเปี่ยมด้วยความรัก ความรักที่ทั้งสองประเทศให้กันกลายเป็นแรงขับเคลื่อนอันใหญ่หลวงให้แก่มิตรภาพอันแสนแนบแน่นระหว่างไทย-จีน  ปัจจุบันนี้ การควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ยังต้องดำเนินอย่างเข้มงวดต่อไป ในขณะเดียวกัน เราต่างก็ต้องหาคำตอบว่าความร่วมมือไทย-จีนจะไปในทิศทางใดในยุคหลังโควิด-19 ซึ่งโจทย์นี้เป็นข้อสอบที่มีหลายคำตอบ หากตอบได้ดีจะเป็นคุณอนันต์ต่อการพัฒนาของทั้งสองประเทศ และช่วยสร้างความผาสุกให้กับประชาชน แต่หากหาทางออกที่ดีได้ไม่เข้าที ก็อาจจะพลาดโอกาสทองในการพัฒนาไปเสียเปล่า

แม้ว่าปัจจุบัน ทั้งประเทศไทยและจีนยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ แต่ความร่วมมือระหว่างสองประเทศนั้นมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทยระบุว่า มียอดเงินลงทุนมากกว่า 2.7 แสนล้านบาท และยังมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในจำนวนนี้ประเทศจีนอยู่ที่อันดับ 3 โดยมียอดเงินลงทุนมุ่งตรงสู่ไทยมากถึง 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โควิด-19 ไม่ได้ขัดขวางความร่วมมือไทย-จีนแต่อย่างใด   และในโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน 5 อันดับแรกนั้น อุตสากรรมทางการแพทย์ครองอันดับที่ 2 มียอดเงินลงทุนอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเป็นกระแสความร่วมมือใหม่โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19 ตอนนี้ทั้งสองประเทศต่างก็ให้ความสำคัญและส่งเสริมความร่วมมือในด้านอุตสากรรมทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและวิจัยวัคซีน การผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการแพทย์ก็ตาม ล้วนจะพบร่องรอยแห่งความร่วมมือไทย-จีนอยู่เสมอ เชื่อว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้า ความร่วมมือในด้านอุตสากรรมทางการแพทย์จะกลายเป็นจุดเด่นใหม่ของความร่วมมือไทย-จีน

นอกจากนี้แล้ว ยังมีอุตสาหกรรมอีกหลายประเภทที่ทั้งสองประเทศให้ความสนใจเป็นพิเศษ เช่น อุตสาหกรรมการค้าบริการ ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมรุ่งเรืองยุคใหม่ มีข้อมูลเปิดเผยว่า ช่วงหลายปีมานี้ ยอดการนำเข้าด้านการค้าบริการจากจีนไปยังไทย และยอดการส่งออกด้านการค้าบริการจากไทยไปยังจีน ยังครอง 20 อันดับแรกอยู่ ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี ในขณะเดียวกันภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังเป็นอันตรายต่อชีวิตประจำวันอยู่ อีคอมเมิร์ช การชำระเงินออนไลน์ การเรียนออนไลน์ พลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และธุรกิจสาขาต่าง ๆ ล้วนเป็นโอกาสทางธุรกิจที่พลาดไม่ได้ เนื่องจากเป็นหนทางการร่วมมือซึ่งเต็มไปด้วยศักยภาพและชีวิตชีวา รัฐบาลทั้งสองควรสร้างความสะดวกให้กับวิสาหกิจทั้งชาติไทยและชาติจีน เพื่อบุกเบิกขอบเขตความร่วมมือใหม่ มีวิทยากรท่านหนึ่งวิเคราะห์ว่าหากไทย-จีนทุ่มเทกำลังในความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ช ก็จะสามารถผลักดันอีคอมเมิร์ชของไทยให้พัฒนาอย่างรวดเร็วได้ และจีนเองก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล ซึ่งเรียกได้ว่าความร่วมมือไทย-จีนนั้น สร้างแต่โอกาส มีแต่ข้อดี

หันมาให้ความสำคัญกับโครงการที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เช่นโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างระยะที่ 2 ช่วงจังหวัดนครราชสีมา-หนองคาย คาดว่าเมื่อโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ จะกลายเป็นเครื่องยนต์ที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในยุคหลังโควิด-19 และประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอย่างจีนก็จะได้รับอิทธิพลเชิงบวกไปด้วย ยังมีอีกโครงการที่น่าจับตามองคือ โครงการความร่วมมือด้านนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน ซึ่งได้ดึงดูดวิสาหกิจทั้งสองประเทศรวมตัวกัน เพื่อผนึกกำลังและแบ่งปันโอกาสทางธุรกิจ มุ่งเป้าบรรลุความร่วมมือที่อำนวยผลประโยชน์แก่กัน

โดยล่าสุดนี้ เมื่อวันที่10-13 เดือนกันยายนที่ผ่านมา งานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียนครั้งที่ 18 ได้จัดขึ้นที่นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกว่างซี ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอันสำคัญยิ่งสำหรับความร่วมมือไทย-จีน แม้ว่าปีนี้ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ความกระตือรือร้นในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจไทย-จีนนั้น มีแต่มากขึ้นและไม่เคยลดลง โดยงานมหกรรมนี้ได้ส่งสัญญาญที่ดีว่า ความร่วมมือไทย-จีนจะขยายตัวกว้างขึ้นและมีอนาคตอันสดใสรุ่งโรจน์

ไทย-จีน เป็นเพื่อนแท้ในยามยาก อีกทั้งยังเป็นเพื่อนเก่าที่พึ่งพาได้ ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภาวะลำบากยากเย็น อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่เคยซ้ำเติม มีแต่ยื่นมือช่วยเหลือต่อกัน ดั่งสำนวนไทยที่ว่า น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ความสัมพันธ์ไทย-จีนจึงถือเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนและไม่ได้ทอดยาวถึงเพียงวันพรุ่งนี้ แต่จะสานสัมพันธ์ต่อไปนิรันดร์กาล

จากที่ได้กล่าวไปแล้ว จึงชี้ชัดได้ว่าความร่วมมือไทย-จีนในยุคหลังโควิด-19 นั้น มีศักยภาพอันมหาศาล จะเกิดโครงการความร่วมมือใหม่เป็นจำนวนมาก เชื่อมั่นว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ความร่วมมือไทย-จีนจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง และจะสร้างความผาสุกให้กับประชาชนทั้งสองประเทศเป็นทวีคูณ

ขอให้มิตรภาพไทย-จีนยังคงแนบแน่นไปชั่วกัปชั่วกัลป์ และขอให้ความร่วมมือไทย-จีนเจริญรุ่งเรือง

能获奖是一件幸事,但泰语君更高兴能看到有这么多小伙伴一起学泰语。最后泰语君衷心地祝愿获奖的各位朋友,也希望有朝一日能相聚一堂,畅聊泰语。

声明:本文由沪江泰语原创,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。