泰国的寺庙规矩比中国严,泰国女性从小时候开始就会被爸爸妈妈教育道:“不能触碰僧人,不能太接近僧人。”那么,这些事为什么是“禁忌”之事呢,好奇的话,就跟小编一起来找答案吧~

 


 

ตั้งแต่เกิดจนโต คำสอนที่เด็กผู้หญิงมักจะได้ยินอยู่เสมอเวลาไปวัดหรือไปทำบุญไหว้พระก็คือ "ผู้หญิงห้ามโดนตัวพระ" ซึ่งที่มาของคำสอนนี้คืออะไร แม้จะได้ยินมาตลอดทั้งชีวิต แต่ก็คงมีผู้หญิงหลายคนที่ไม่รู้ว่า ทําไมผู้หญิงห้ามโดนตัวพระ ดังนั้นเพื่อให้หายข้องใจวันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอธิบายให้ทราบกันแล้ว...
从小到大,只要是去寺庙或者去拜佛做功德,(泰国)女生们时常都会听到这么一句教诲:“女性禁止碰僧侣。”那么,这样一句教诲来源于什么?虽然她们听了这句话一辈子,但是许多女生应该也不知道为什么“女性不能碰僧人”。因此,为了满足大家的好奇心,今天我们带来了关于这件事的资料,接下来就慢慢解释给大家听啦!


สำหรับข้อห้ามที่ว่า ผู้หญิงห้ามโดนตัวพระ ความจริงแล้วที่มาของคำสอนนี้มาจากบทบัญญัติวินัยของภิกษุหมวดอาบัติ สังฆาทิเสสข้อ 2 มีใจความว่า "ภิกษุมีความกำหนัดอยู่ จับต้องกายหญิงต้องสังฆาทิเสส" โดยมีความหมายว่า หากภิกษุมีความรู้สึกพึงพอใจ หรือมีอารมณ์ทางเพศกับสุภาพสตรีแล้วเอามือไปสัมผัสถูกกายสุภาพสตรี หรือภิกษุเอาร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของภิกษุไปสัมผัสเข้ากับกายของสตรี ภิกษุนั้นต้องอาบัติ "สังฆาทิเสส"
“女性禁止触碰僧侣”,其实这句教诲是来源于“佛教(僧侣)的僧规戒律”里面的第二条惩戒,内容是这样的:“和尚也是有七情六欲的,但他们若触碰女性身体会受到惩戒。” 意思是:“如果哪个和尚对女士动心、或者想要和女士发生性关系、用手去触碰女士的身体、再或者是用身体的任何一部分和女士进行身体接触,那个和尚都要受到惩戒。”


ซึ่งคำว่าอาบัตินี้คือการปรับความผิดกับพระสงฆ์เท่านั้นไม่ได้ปรับความผิดแก่ฆราวาส ดังนั้นความจริงแล้วก็คือ ห้ามพระถูกต้องกายหญิงต่างหาก ไม่ได้เป็นข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงถูกต้องกายพระแต่อย่างใด แต่ความหมายนั้นมีใจความไปในทำนองเดียวกัน ชาวบ้านจึงเข้าใจและได้มีการพูดและสั่งสอนลูกหลานที่เป็นเด็กผู้หญิงกันมาแบบนี้นั่นเอง
อาบัติ(僧规)这个词,只适用于惩罚犯错的僧侣,不适用于惩罚犯错的世俗子弟。因此,事实上应该是“禁止僧人去触碰女性的身体”,而不是什么“不让女性去触碰僧人的身体”,不过,由于这两种说法表达的都是同一个意思,就是“僧人和女性禁止有肢体接触”,所以大家理解了之后都默认以那样的方式教导自己的女辈子孙们。
 


และด้วยสิกขาบทข้อนี้จึงเห็นได้ว่าเป็นธรรมเนียมให้พระสงฆ์ไทยถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงไม่ได้ แต่ก็ไม่วายมีข้อสงสัยตามมาอีกว่า แล้วถ้าพระสงฆ์บังเอิญถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงโดยไม่ได้ตั้งใจจะผิดไหม ถ้าดูแลแม่ที่ป่วยผิดหรือเปล่า แล้วถ้าพระสงฆ์ป่วยต้องทำการรักษาพยาบาลแพทย์หญิงหรือนางพยาบาลจะสามารถจับต้องกายพระภิกษุได้ไหม
从这一戒条可以看出“僧人不能触碰女性”已是约定俗成的了,但接着又有人疑惑道:“如果僧人是偶然的、不小心的碰到女性的身体,这样也是错的吗?如果是照顾(僧人)自己病了的母亲也是错的吗?如果僧人病了必须治病,女医生或者女护士能不能碰僧人的身体?”……


คำตอบก็คือได้ ไม่ถือว่าอาบัติแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าบทบัญญัติวินัยของภิกษุได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า หากภิกษุมีความกำหนัดเท่านั้นการถูกต้องกายหญิงจึงจะเป็นเรื่องอาบัติ แต่ถ้าไม่ได้มีความกำหนัดก็สามารถถูกต้องกายหญิงได้โดยไม่เป็นอาบัติ เช่นเดียวกับหากมีกรณีที่ว่าหากผู้หญิงสัมผัสถูกต้องภิกษุก่อน แต่ถ้าภิกษุไม่ยินดีรับสัมผัส การกระทำนี้ก็ไม่ทำให้ภิกษุต้องอาบัติเช่นกัน เพราะภิกษุไม่มีจิตกำหนัดนั่นเอง
回答就是:“可以”,这些事情不会触犯任何一条僧规,因为和尚的僧规戒律里已经很明确的指出:“如果是僧人产生了情欲且触碰了女性的身体,这样的情况下僧人就会受到惩戒;如果僧人没有产生情欲,僧人也可以触碰女性且不会受到惩戒,比如这种情况:‘如果是女生先去触碰僧人的,而僧人并不乐意被触碰,那么这样的行为不会让僧人受到惩戒,因为僧人没有产生情欲的心’。”
 

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าข้อห้ามเรื่อง ผู้หญิงห้ามโดนตัวพระ จะไม่ได้มีบัญญัติเอาไว้ แต่ด้วยธรรมเนียมการปฏิบัติตนต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนั้นคนส่วนใหญ่จะคำนึงถึงเรื่องภาพลักษณ์ที่ดีต้องมาก่อน ดังนั้นการที่ผู้หญิงควรที่จะระมัดระวังตัวไม่ให้ไปสัมผัสกับพระสงฆ์นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอยู่เสมอ เพราะอาจจะทำให้ถูกมองไม่ดีก็เป็นได้
即使“女性禁止触碰僧人”的这条禁令没有明文规定,但出于泰国佛教的传统实践,大部分泰国人都会想到“要先树立一个好的形象。”所以“女性应小心一些不要触碰到僧侣”这一点仍然是现代女性需要小心注意的事情,要是没注意,哪位没注意的女性很有可能会被别人误解呢。

ข้อมูลจาก (资料来自): พระวรธรรม, ,
 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自Kapook,转载请注明出处。如有不妥,敬请指正。