“五月病”起源于日本。由于日本新财年新学年都是4月份开始,新人进入学校或者公司之后鼓足干劲儿工作或者学习,一段时间以后,最初的干劲儿已经消失,设立的目标却无法立即实现,因为理想期许和现实的差距,还有人际关系也没有达到预定状态,而产生的厌倦易疲乏的情绪问题,而在泰国有一种“四月病”似乎与日本的“五月病”如出一辙,一起来看看吧~


ในประเทศญี่ปุ่น มีโรคทางจิตอยู่โรคหนึ่งมีชื่อเรียกว่าโรคเดือนพฤษภาฯ หรือเมย์ดิซิส (May Disease) เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาแห่งการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยและเป็นช่วงสอบเข้าทำงานของบัญฑิตจบใหม่ด้วย
在日本有一种心理疾病叫做“五月病”(亦作  May Disease),因为五月份那段时间是复习备战高考的日子同时也是本科应届毕业生找工作的时间。

ซึ่งคนญี่ปุ่นจะถือว่าสำคัญขนาดตัดสินอนาคตกัน ได้ทีเดียวเพราะถ้าได้เข้าเรียนในมหา-วิทยาลัยดีๆย่อมเป็นการปูทางไปสู่การได้งานดี
日本人很重视高考和就业,因为名牌大学的身份必然是取得好工作的垫脚石。

และการสอบผ่านเข้าทำงานใน บริษัท ที่เก่าแก่มีชื่อเสียง ก็เป็นสิ่งประกันได้ว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตจะไม่มีทางตกต่ำแล้ว
而能进入历史悠久的老牌企业,就可以说人生就有了保障。

ดังนั้นวัยรุ่นจึงต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงให้ได้ และหนุ่มสาวที่จบการศึกษาก็ต้องพยายามเป็นอย่างสูงเพื่อให้สามารถสอบเข้าทำงานใน บริษัท ดีๆ
因此青少年为考进名牌大学就要拿出吃奶的力气学习而找工作的年轻人为了能进好公司就要更加努力地提高自己。

ซึ่งความมุ่งมั่นอย่างเอาเป็นเอาตายของคนทั้งสองกลุ่มนี้ ทำให้เกิดความเครียดมาก จนบางครั้งจิตใจและร่างกายทนไม่ไหว เกิดการเจ็บป่วยขึ้นโดยเฉพาะป่วยด้วยโรคทางจิต จิตแพทย์ญี่ปุ่นจึงให้ชื่อโรคนี้ตามช่วงเวลาที่คนป่วยกันมากนั่นเอง
因此,大家为了高考和就业挤破了头,引发了极大的焦虑感,以至于有时身心都产生相应的崩溃,尤其是心理疾病患者增多,日本心理医生就用该病集中爆发的时间段给它命名(五月病)。



เมืองไทยเราก็เริ่มมีสถานการณ์คล้าย ๆ ญี่ปุ่นไปทุกทีเหมือนกัน ผิดแต่เป็นคนละเดือน จึงอยากเรียกว่าเป็นโรคเดือนเมษาฯ
泰国也有和日本差不多的情况,只是月份不一样(在四月集中爆发),因此被叫做“四月病”。

เนื่องจากในช่วงเวลานี้วัยรุ่นนับหมื่นนับแสนคนต้องเคร่งเครียดกับการสอบเอ็นทรานซ์กัน โรคนี้มีอาการตั้งแต่หงุดหงิดง่าย ปวดศีรษะ มึนงง คิดอะไรไม่ออก ท่องหนังสือไม่จำ ปวดหัวอาเจียน ท้องอืด ท้องเสียเป็นประจำหายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับกินไม่ลง ไปจนถึงคลุ้มคลั่ง อาละวาด บางคนก็ซืมเศร้าและฆ่าตัวตาย
这段时间成千上万的泰国年轻人都为了求学和找工作而焦虑,这种病的症状是头疼易急躁,困惑,记性衰退,背书背不下来,恶心欲吐,胃气胀,腹泻不止,吃不下睡不着以至于整个人疯疯癫癫,大喊大叫,甚至有人抑郁,自杀。 


โรคเดือนเมษายนี้เกิดจากการที่วัยรุ่นมีความเครียศสะสมมากเกินไป ซึ่งมีสาเหตุใหญ่3ประการคือ มาจากการสอบ จากเพื่อน และจากพ่อแม่
“四月病”的病因是年轻人积累了过多的焦虑情绪,而这些情绪的产生主要有三个方面:考试方面、同学方面和父母方面。


สำหรับการสอบ วัยรุ่นอาจกลัวข้อสอบกลัวทำไม่ได้ทำ ไม่ทัน ทำผิด ทำพลาด
年轻学生在考试方面怕考题答不出,来不及做和漏做。

เรื่องเพื่อนวัยรุ่น เมื่อเห็นเพื่อนขยันดูหนังสือก็จะเกิดการแข่งขัน ไม่ยอมแพ้กัน บางคนติดเพื่อน กลัวจะสอบไม่ได้คณะเดียวกัน จึงต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพราะตัวเองอาจไม่เก่งในวิชานั้น
同学方面,当看到同学认真读书的样子就会起不服输,相互竞争的心。有的人喜欢和朋友在一起,因此担心不能和朋友考进同一个学院,所以更加努力地学习不是很擅长的科目。

หรืออีกทีเคยเรียนเก่งเป็นที่หนึ่งของโรงเรียนก็ต้องพยายามรักษาความเป็นหนึ่ง เอาไว้ต้องติดคณะดีๆ จึงจะดูสมศักดิ์ศรีของคนเก่งต้องหักโหมดูหนังสือมาก ๆ เพื่อไม่ให้พลาดเพราะถ้าพลาดก็จะเสียหน้าและอายเพื่อนฝูง
此外,曾经考过班级第一的就会非常努力地保持第一的位置,于是考进好的学院,遇见一堆学霸,为了向他们看齐就又回头看书学习以不错过每个知识点,为了防止如果不知道这个知识点会在朋友面前自卑和丢脸。



เรื่องพ่อแม่ ดูจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเป็นผู้สร้างความกดดันให้ลูกได้มากมาย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ พ่อแม่หลายต่อหลายคนทุ่มเทความหวังไว้กับลูก คอยย้ำให้ลูกรับรู้อยู่เสมอว่า จะต้องสอบให้ติดคณะนั้นคณะนี้เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล
父母方面是最重要的方面,因为他们对子女施加了多得难以置信的压力,很多父母在子女身上倾注了太多期望,反复强调了太多遍,为了能光宗耀祖一定要考上哪个哪个学院。

โดยบางครั้งหลงลืมไปว่า ใครกันแน่ที่ต้องเป็นคนเรียน เรียนแล้วเอาไปทำอะไร ตรงกับความชอบความถนัดของลูกหรือเปล่า ลูกต้องคร่ำเคร่งเพื่อทำตามความปรารถนาของใคร ถ้าสอบได้ ใครกันที่สมหวังและถ้าสอบไม่ได้ ใครจะผิดหวัง
有时候我们忘了究竟谁是学生,要用如何学以致用,学的是否是孩子喜欢并且擅长的东西,孩子究竟在为谁的意愿而学个不停。考好了,谁会高兴。考砸了,谁该失望。

ลำพังแค่เรื่องสอบ เรื่องเพื่อน ลูกก็แย่แล้ว มาโดนความกดดันจากพ่อแม่เข้าอีกวัย รุ่นจึงเครียดมากขึ้นเป็นทวีคูณ
独自处理考试,同学的琐事,孩子们已经够累 ,父母再来施压,恐怕孩子的压力会倍增。




看到这里,相信大家对泰国的“四月病”有了一定的了解,原来平时看上去不紧不慢的泰国人也是有焦虑的一面的,你怎么看呢,欢迎在评论区留言哦~

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自Google,图片来自图虫,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。