不知道各位小伙伴小时候最喜欢玩什么游戏呢?跳皮筋、丢手绢、捉迷藏等等应该都是我们小时候的回忆。大家好奇泰国小朋友们小时候都在玩什么游戏吗?和我们玩的一样吗?今天的文章告诉你答案!


1. เล่นซ่อนหา หรือ โป้งแปะ
1. 捉 迷藏


"เล่นซ่อนหา" หรือ "โป้งแปะ" เป็นหนึ่งในการละเล่นพื้นบ้านที่มีมาช้านาน และยังได้รับความนิยมอยู่ทุกยุคทุกสมัย เพราะกติกาง่าย แถมสนุก และต้องมีการกำหนดอาณาเขตเพื่อไม่ให้กว้างจนเกินไป จนถึงวันนี้ก็ยังมีเด็ก ๆ จับกลุ่มกันเล่นซ่อนหาให้เห็นกันอยู่
捉迷藏是 一种历史悠久的游戏,而且在各个时代都非常受欢迎,因为游戏规则非常简单,而且还很有趣,需要划定游戏的区域,不能太大,直到现在仍然能够见到小孩子们玩捉迷藏。

โดยกติกาก็คือ คนที่เป็น "ผู้หา" ต้องปิดตา และให้เพื่อน ๆ ไปหลบหาที่ซ่อน โดยอาจจะนับเลขก็ได้ ส่วน "ผู้ซ่อน" ในสมัยก่อนจะต้องร้องว่า "ปิดตาไม่มิด สารพิษเข้าตา พ่อแม่ทำนาได้ข้าวเม็ดเดียว" แล้วแยกย้ายกันไปซ่อน
游戏规则是, 找的人需要蒙上眼睛,让其他人找地方藏起来,也可以数数字等别人藏起来。以前的时候,藏起来的人还要喊:“眼睛蒙得不严实,脏东西会进眼睛,爸爸妈妈做的米饭只有一粒米”,然后就分开去找藏的地方。



เมื่อ "ผู้หา" คาดคะเนว่าทุกคนซ่อนตัวหมดแล้ว จะร้องถามว่า "เอาหรือยัง" ซึ่งเมื่อ "ผู้ซ่อน" ตอบว่า "เอาละ" "ผู้หา" ก็จะเปิดตาและหาเพื่อน ๆ ตามจุดต่าง ๆ เมื่อหาพบจะพูดว่า "โป้ง..(ตามด้วยชื่อผู้ที่พบ)" ซึ่งสามารถ "โป้ง" คนที่เห็นในระยะไกลได้
当蒙眼睛的人预 计所有人都找到藏身的地方之后,就会问:“好了吗?”藏身的人回答:“好了!”然后就睁开眼睛去各个地方找人,找到之后就会叫一声:“嘣!(再说被找到的人的名字)”,可以“嘣”在远处看到的人。

จากนั้น "ผู้หา" จะหาไปเรื่อย ๆ จนครบ ผู้ที่ถูกหาพบคนแรกจะต้องเปลี่ยนมาเป็น "ผู้หา" แทน แต่หากใครซ่อนเก่ง "ผู้หา" หาอย่างไรก็ไม่เจอสักที "ผู้ซ่อน" คนที่ยังไม่ถูกพบสามารถเข้ามาแตะตัว "ผู้หา" พร้อมกับร้องว่า "แปะ" เพื่อให้ "ผู้หา" เป็นต่ออีกรอบหนึ่งได้
之后,找的人慢 慢将其他人全部找到,第一个被找到的人下一轮会变成找人的人,如果有很会藏的人,怎么都找不到,就可以跑过来打找人的人,喊:“呗!”这样就让找人的人再找一轮。

ประโยชน์จากการเล่นซ่อนหา ก็คือ ฝึกให้เป็นคนช่างสังเกต สามารถจับทิศทางของเสียงได้ รวมทั้งรู้จักประเมินสถานที่ซ่อนตัว จึงฝึกความรอบคอบได้อีกทาง นอกจากนี้ยังทำให้ผู้เล่นสนุกสนาน อารมณ์แจ่มใสเบิกบานไปด้วย
捉迷藏的益处 是能够锻炼人的观察力,可以通过声音来辨别方向,还要学会评估藏身的地方,可以训练考虑全面的能力。另外,还能让玩的人心情开朗。


2. หมากเก็บ
2. 拾 槟榔


การละเล่นยอดฮิตสำหรับเด็กผู้หญิงนั่นเอง ปกติจะใช้ผู้เล่น 2-4 คน และใช้ก้อนกรวดกลม ๆ 5 ก้อน เป็นอุปกรณ์
女孩子 们非常喜欢的游戏,一般情况下是2-4人一起玩,找5个圆圆的鹅卵石作为玩耍的“槟榔”。

กติกาก็คือ ต้องมีการเสี่ยงทายว่าใครจะได้เล่นก่อน โดยใช้วิธี "ขึ้นร้าน" คือแบมือถือหมากทั้ง 5 เม็ดไว้ แล้วโยนหมาก ก่อนจะหงายมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับหมากอีกที ใครมีหมากอยู่บนมือมากที่สุด คนนั้นจะได้เป็นผู้เล่นก่อน
规则是需要 决定谁第一个玩,决定的方法是手里抓5颗槟榔,然后手心朝上伸开手,把槟榔扔起来,槟榔落下前翻过手背接住,最后谁接住的槟榔多,谁就可以第一个开始玩。
 


จากนั้นจะแบ่งการเล่นเป็น 5 หมาก โดยหมากที่ 1 ทอดหมากให้อยู่ห่าง ๆ กัน แล้วเลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ก่อนจะไล่เก็บหมากที่เหลือ โดยการโยนเม็ดนำขึ้น พร้อมเก็บหมากครั้งละเม็ด และต้องรับลูกที่โยนขึ้นให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า "ตาย" หรือถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นก็ถือว่า "ตาย" เช่นกัน
接下来就按5轮开始玩,将第1颗槟榔扔到远处,之后再选择1颗槟榔作为引子,把作为引子的槟榔扔到空中,依次去拿剩下的槟榔,再接住仍在空中的槟榔,如果接 不住就算是“死”了,如果手不小心碰到别的槟榔了也算是“死”了。

ในหมากที่ 2 ก็ใช้วิธีการเดียวกัน แต่เก็บทีละ 2 เม็ด เช่นเดียวกับหมากที่ 3 ใช้เก็บทีละ 3 เม็ด ส่วนหมากที่ 4 จะไม่ทอดหมาก แต่จะใช้ "โปะ" คือถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้น แล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้ "ขึ้นร้าน" ได้กี่เม็ดถือเป็นแต้มของผู้เล่นคนนั้น ถ้าไม่ได้ถือว่า "ตาย" แล้วให้คนอื่นเล่นต่อไป โดย "ตาย" หมากไหนก็เริ่มที่หมากนั้น ปกติการเล่นหมากเก็บจะกำหนดไว้ที่ 50-100 แต้ม ดังนั้นเมื่อแต้มใกล้ครบ เวลาขึ้นร้านต้องระวังไม่ให้แต้มเกิน ถ้าเกินต้องเริ่มต้นใหม่
第2轮玩法一样,只不过是一次性接住2颗槟榔,接下来就是一次性接住3颗槟榔,第四轮的时候不用把槟榔扔在地上,而是将所有的槟榔放在手上,将作为引子的槟榔扔到空 中后把其他的槟榔堆放地上放,把手上所有的槟榔翻手背抓一下,剩下几颗就得几分,如果没有的话就是“死”了,让下一个人玩,在第几颗槟榔“死”就接着第几颗玩,一般会规定差不多50-100分,因此,当分数接近的时候需要在翻手背抓槟榔的时候格外小心,不能让分数超过规定的,否则就要重新开始玩。


3. รีรีข้าวสาร
3. 米粒脱壳( 过龙门)


เชื่อเลยว่าชีวิตในวัยเด็กของคนส่วนใหญ่ผ่านการละเล่น "รีรีข้าวสาร" มาแล้ว และยังร้องบทร้องคุ้นหูที่ว่า "รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เด็กน้อยตาเหลือก เลือกท้องใบลาน คดข้าวใส่จาน คอยพานคนข้างหลังไว" ได้ด้วย
相信很多人 小时候都玩过“过龙门”这种游戏,还会记得玩游戏的时候念的歌谣:“尖尖的米粒,给米粒剥皮,匆忙的小孩,选好场地,把米粒放入盘中,等着抓后面的人。”

กติกา "รีรีข้าวสาร" ก็คือ ต้องมีผู้เล่น 2 คนหันหน้าเข้าหากัน และเอามือประสานกันไว้เป็นรูปซุ้ม ส่วนผู้เล่นคนอื่น ๆ จะกี่คนก็ได้จะยืนเกาะเอวกันไว้ตามลำดับ หัวแถวจะพาขบวนลอดซุ้มพร้อมร้องเพลง "รีรีข้าวสาร" จนเมื่อถึงประโยคที่ว่า "คอยพานคนข้างหลังไว้" ผู้ที่ประสานมือเป็นซุ้มจะลดมือลงกันไม่ให้คนสุดท้ายผ่านเข้าไป เรียกว่า "คัดคน" และเล่นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนคนหมด
过龙门的玩法是两个人面对面站着,用手组成一个拱门的形状,其他玩家站成一排,用手抓着前面玩家的腰,站在队头的人带领着队伍的其他人唱着歌谣,当唱到: “等着抓后面的人”,做门拱的人就把手放下来,拦着最后一个通过的人,这样一直玩到最后一个人。

ประโยชน์ของการเล่นรีรีข้าวสาร ก็คือ ช่วยให้จิตใจร่าเริงแจ่มใส รู้จักมีไหวพริบ ใช้กลยุทธ์ให้ตัวเองเอาตัวรอดจากการถูกคล้องไว้ได้ รวมทั้งฝึกให้เด็กทำงานเป็นกลุ่มได้ด้วย
过龙门这种 游戏的益处是让我们开心,懂得被抓住时如何敏捷地逃离,还可以锻炼小朋友团队协作能力。


4. มอญซ่อนผ้า
4. 孟人藏手绢(丢 手绢)


การละเล่นแสนสนุกที่ทำให้ผู้เล่นได้ลุ้นไปด้วย โดยใช้อุปกรณ์เพียงแค่ผ้าผืนเดียวเท่านั้น แล้วให้ผู้เล่นเสี่ยงทาย ใครแพ้คนนั้นต้องเป็น "มอญ" ส่วนคนอื่น ๆ มานั่งล้อมวง คนที่เป็น "มอญ" จะต้องถือผ้าไว้ในมือแล้วเดินวนอยู่นอกวง จากนั้นคนนั่งในวงจะร้องเพลงว่า "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ"
一种让所有玩耍者一起开心的游戏,只需要一块手绢就可以玩了,先开始输掉的人要第一个丢手绢,其他人围坐成圆圈,丢手绢的人拿着手绢在其他人围坐的圆圈外 面走,围坐的人唱:“孟人藏手绢,洋娃娃在后面,放这里放那里,我要打你的屁股。”



ระหว่างเพลงร้องอยู่ คนที่เป็น "มอญ" จะแอบทิ้งผ้าไว้ข้างหลังผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง แต่เมื่อทิ้งผ้าแล้วจะแกล้งทำเป็นยังไม่ทิ้ง โดยเดินวนไปอีก 1 รอบ หากผู้ที่ถูกทิ้งผ้าไม่รู้ตัว "มอญ" จะหยิบผ้ามาตีหลังผู้เล่นคนนั้น แล้วต้องกลายเป็น "มอญ" แทน แต่หากผู้เล่นรู้ตัวว่ามีผ้าอยู่ข้างหลัง ก็จะหยิบผ้ามาวิ่งไล่ตี "มอญ" รอบวง "มอญ" ต้องรีบกลับมานั่งแทนที่ผู้เล่นคนนั้น แล้วผู้ที่วิ่งไล่ต้องเปลี่ยนเป็น "มอญ" แทน
在唱歌的过程中,丢手绢的人会把手绢偷偷丢在一个人的后面,丢完之后假装还没有丢,再绕着圆圈走一圈,如果被丢手绢的人还没有意识到,丢手绢的人拿回手 绢,打一下那个人的后背,这个人就要在下一轮丢手绢。如果那个人察觉到手绢在自己后面,就要拿着手绢追丢手绢的人,丢手绢的人要迅速跑到那个人起身的位置坐下,拿着手绢的人就要变成下一轮丢手绢的玩家。


5. เดินกะลา
5. 踩 椰壳


ดูจะเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่หาดูได้ไม่บ่อยนัก แต่หากเป็นสมัยก่อนจะเห็นเด็ก ๆ เดินกะลากันทั่วไป โดยผู้เล่นจะต้องนำกะลามะพร้าว 2 อันมาทำความสะอาดแล้วเจาะรูตรงกลาง ร้อยเชือกให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้เชือกหลุดเวลาเดิน เวลาเดินให้ใช้นิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้คีบเชือกเอาไว้แล้วเดิน หากมีเด็ก ๆ หลายคนอาจจัดแข่ง เดินกะลา ได้ด้วยการกำหนดเส้นชัยไว้ ใครเดินถึงก่อนก็เป็นผู้ชนะไป
看起来可能是不太常见的一种游戏,但如果是以前的话,还是经常有小朋友会玩的,需要找到两个椰子壳,清理干净,在中间打眼,用绳子绑牢,防止绳子在行走的时 候掉落,走的时候用脚的大拇指和食指夹紧绳子,如果有好几个人的话可以比赛,规定好终点线,先走到终点线的人算是获胜。



ประโยชน์ของการเดินกะลา ก็คือ ช่วยฝึกการทรงตัว ความสมดุลของร่างกาย เพราะต้องระวังไม่ให้ตกกะลา ช่วงแรก ๆ อาจจะรู้สึกเจ็บเท้า แต่ถ้าฝึกบ่อย ๆ จะชินและหายเจ็บไปเอง แถมยังทำให้ร่างกายแข็งแรง เพลิดเพลินอีกด้วย
踩椰子壳的益处是 教人掌握身体平衡,因为要保持不从椰子壳上掉下来,刚开始可能会有一点脚疼,但是多多练习习惯之后就不会疼了,另外还能让我们身体保持健康,乐在其中。


6. กาฟักไข่
6. 乌鸦孵蛋


เป็นอีกหนึ่งการละเล่นที่เคยได้ยินชื่อ แต่หลายคนไม่ทราบกติกา โดยวิธีการเล่นก็คือ ใช้อะไรก็ได้ลักษณะกลม ๆ เท่าจำนวนคนเล่น ยกเว้นผู้ที่เป็นกา 1 คน มาสมมติว่าเป็น "ไข่" แล้วเขียนวงกลมลงบนพื้น 2 วง วงแรกเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 ฟุต และอีกวงหนึ่งอยู่ข้างในวงแรก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ฟุต วาง "ไข่" ทั้งหมดไว้ในวงกลมเล็ก ให้คนใดคนหนึ่งเป็นกา ยืนในวงกลมวงใหญ่ หรือนั่งคร่อมวงกลมเล็ก นอกนั้นทุกคนยืนรอบนอกวงกลมวงใหญ่ คอยแย่งไข่ คนเป็นกามีหน้าที่ป้องกันไข่ไม่ให้ถูกแย่งไป
这是另一种我们 只听过名字但是可能不清楚规则的游戏,游戏规则是,选一些圆圆的东西,数量和玩家数量一样,除去一个人做“乌鸦”,把这些圆圆的物体当作是乌鸦蛋,然后在地上画两个圆圈,第一个圈圈直径大约4英尺,另一个圆圈画在第一个圆圈里面,直径大约1英尺,把所有的乌鸦蛋放在小的圈圈里,让一个人做乌鸦,站在大的圆圈里,或者坐在小的圆圈里,其他的人走站成圈在大圆里,准备抢蛋,做乌鸦的人需要保护自己的蛋不被抢走。

กติกาของกาฟักไข่ ก็คือ คนข้างนอกต้องแย่งไข่มาให้ได้ โดยใช้แขนหรือมือเอื้อมเข้าไป แต่ห้ามนำตัวเข้าไปในวงกลม และต้องระวังไม่ให้อีกาถูกมือหรือแขนได้ด้วย หากแย่งไข่ออกมาได้หมดแล้ว ให้ปิดตากา แล้วนำไข่ทั้งหมดไปซ่อน เพื่อให้กาตามหาไข่ หากพบไข่ที่ผู้เล่นคนใดนำไปซ่อน ผู้นั้นจะต้องเปลี่ยนมาเป็นกาแทน
规则是外面的人要把蛋抢过来,可以用胳膊和手伸进去拿,但是不能整个身体进入小圆圈,还要注意不能被乌鸦碰到手和胳膊,如果把蛋全部都抢出来了,就把乌鸦的眼 睛蒙上,把所有的蛋藏起来让乌鸦去找,如果找到了谁藏起来的蛋,这个人下一轮就要做乌鸦。


7. งูกินหาง
7. 蛇咬尾巴(老 鹰抓小鸡)


"แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน..." ประโยคคุ้น ๆ ของการเล่นงูกินหางที่ยังติดตรึงในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน และเป็นที่นิยมของเด็กในทุกเทศกาล ทุกโอกาสอีกด้วย
“蛇妈妈 ,要去哪口井喝水?”这句话是我们在玩蛇咬尾巴时候很熟悉的一句话,这个游戏在任何时候都可以玩。

วิธีการเล่นงูกินหาง เริ่มจากเสี่ยงทาย ใครแพ้ต้องไปเป็น "พ่องู" ส่วนผู้ชนะที่มีร่างกายแข็งแรง ตัวใหญ่ จะเป็น "แม่งู" ไว้คอยปกป้องเพื่อน ๆ คนอื่นที่เป็น "ลูกงู" จากนั้น "ลูกงู" จะเกาะเอวแม่งูและต่อแถวกันไว้ ยืนเผชิญหน้ากับ "พ่องู" จากนั้นจะเข้าสู่บทร้อง โดยพ่องูจะถามว่า
游戏开始的时候先要猜拳,输了的人要做蛇爸爸,赢了的人如果是有力气高个子就要做蛇妈妈,保护其他做蛇宝宝的玩家们,之后蛇宝宝抓着前面的人成排站在 蛇妈妈的后面,面对着蛇爸爸,之后开始说歌谣:



พ่องู : แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน
蛇爸爸:蛇 妈妈,要去哪口井喝水?
แม่งู : กินน้ำบ่อโสกโยกไปโยกมา (พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา)
蛇妈妈:去树边 的井喝水,摇来摇去(同时摇摆自己的身体)
พ่องู : แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน
蛇爸爸:蛇妈妈,要 去哪口井喝水?
แม่งู : กินน้ำบ่อหินบินไปบินมา (พร้อมแสดงอาการบินไปบินมา)
蛇妈妈:去石头井喝水,飞 来飞去(同时作出飞翔的动作)
พ่องู : แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน
蛇爸爸:蛇 妈妈,要去哪口井喝水?
แม่งู : กินน้ำบ่อทรายย้ายไปย้ายมา (พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา)
蛇妈妈:去 沙井喝水,摇来摇去(同时作出摇摆身体的动作)

จากนั้นพ่องูจะพูดว่า "กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว" แล้ววิ่งไล่จับลูกงูที่กอดเอวอยู่ ส่วนแม่งูก็ต้องป้องกันไม่ให้พ่องูจับลูกงูไปได้ เมื่อลูกงูคนไหนถูกจับ จะออกจากแถวมายืนอยู่ด้านนอก เพื่อรอเล่นรอบต่อไป หากพ่องูแย่งลูกได้หมด จะถือว่าจบเกมแล้วเริ่มเล่นใหม่ โดยพ่องูจะกลับไปเป็นแม่งูต่อในรอบต่อไป
之后蛇爸爸会说:“咬头咬尾咬中间咬全身!”然后去抓蛇宝宝,蛇妈妈要拼命保护蛇宝宝们,哪只蛇宝宝被抓到就要站到队伍外面,等着玩下一轮,如果蛇宝宝全 部被抓到,游戏就结束了,蛇爸爸在下一轮会去做蛇妈妈。


8. ม้าก้านกล้วย
8. 芭 蕉杆马


เป็นอีกหนึ่งการละเล่นที่แสดงถึงความมีภูมิปัญญาของคนไทยทีเดียว เพราะในสมัยก่อนแทบทุกบ้านจะปลูกต้นกล้วยไว้ทั้งนั้น ดังนั้น ต้นกล้วยจึงนำมาประยุกต์เป็นของเล่นให้เด็ก ๆ ได้อย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะ ม้าก้านกล้วย ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจเด็กชายวัยซนมากที่สุด เพราะเด็ก ๆ จะนำก้านกล้วยมาขี่เป็นม้าเพื่อแข่งขันกัน หรือทำเป็นดาบรบกันก็ได้
另一个展示了 泰国人民智慧的民间游戏,因为以前几乎都会种芭蕉,因此,芭蕉杆就成了小孩子们很好的玩具,尤其是芭蕉杆马,看起来是最适合调皮的男孩子们玩的游戏了,孩子们可以骑在马上比赛,也可以把他当成刀剑打斗。

วิธีทำม้าก้านกล้วยก็ไม่ยาก เลือกตัดใบกล้วยออกมาแล้วเอามีดเลาะใบกล้วยออก แต่เหลือไว้ที่ปลายเล็กน้อยให้เป็นหางม้า เอามีดฝานแฉลบด้านข้างก้านกล้วยตรงโคนบาง ๆ เพื่อทำเป็นหูม้า แล้วหักก้านกล้วยตรงโคนหูม้าออก จากนั้นก็นำแขนงไม้ไผ่มาเสี้ยมปลายให้แหลม ความยาวประมาณคืบกว่า ๆ เสียบหัวม้าที่พับเอาไว้จนทะลุไปถึงก้าน เพื่อให้เป็นสายบังเหียนผูกปากกับคอม้านั่นเอง เสร็จแล้วก็นำเชือกกล้วยมาผูกด้านหัวม้าและหางม้า ทำเป็นสายสะพายบ่า แค่นี้ก็ได้ม้าก้านกล้วยไปสนุกกับเพื่อน ๆ แล้ว
做芭蕉杆马的方法不难,选一根芭蕉杆,用刀把叶子全部砍掉,在杆的尾部留一点作为马尾巴,在根部的两侧划两下作为马的耳朵,然后将根部的部分折断,之后用竹片扎在尾部让它变尖,长度大概12寸左右,把做好的马头穿进去,方便让缰绳栓到马脖子上,做完之后就用绳子拴在马头和马尾巴上,做成可 以跨在肩上的绑带,这样就可以和其他人一起有趣地骑马了。


9. ทอยเส้น
9. 扔 娃娃


หากย้อนไปสักปี พ.ศ. 2510-2530 ทอยเส้นจะเป็นที่นิยมของเด็ก ๆ อย่างมาก โดยอุปกรณ์การเล่นจะใช้ตัวตุ๊กตุ่นพลาสติกหรือยาง ขนาดความสูง 4-5 เซนติเมตร (ที่แถมมากับขนมอบกรอบซึ่งฮิตมากในยุคนั้น) มาใช้ทอย และต้องมีพื้นถนนที่มีเส้นรอยต่อระหว่างบล็อก ระยะห่างประมาณ 3-5 เมตร หรือใช้การขีดลากเส้น 2 เส้นแทนก็ได้
如果回到 1967-1987年这段时间,扔娃娃的游戏非常受小朋友们的欢迎,只需要一个塑料或橡胶的娃娃,长度4-5厘米(在当时是买一种零食的时候赠送的),还要有一块可以画两条间隔 3-5米线的路面。
 


วิธีการเล่นทอยเส้น คือ ต้องเสี่ยงหาคนทอยก่อน โดยใช้วิธีเป่ายิ้งฉุบ ฯลฯ แล้วแต่จะเลือก หรือจะทอยเปล่า เพื่อดูว่าใครใกล้-ไกลเส้นมากกว่า คนที่ไกลเส้นที่สุดจะต้องเริ่มทอยก่อน เพราะจะเสียเปรียบที่สุด ส่วนคนที่ทอยทีหลังจะได้เปรียบ เพราะเลือกหาทางหนีทีไล่ได้ดีกว่า
扔娃娃的 玩法是先通过剪刀石头布等方法猜拳,或者通过投掷的方法来决定,投掷离线最近的人先开始,因为最不占优势,扔在后面的占便宜,可以选择方法去躲避。

เมื่อกำหนดลำดับผู้เล่นแล้ว ให้ผู้เล่นยืนจรดเท้าอยู่เส้นแรก ห้ามล้ำเส้นออกไป แล้วใช้แขนเหวี่ยงตุ๊กตุ่นในมือออกไป ให้ตกหรือทับเส้นที่สอง เมื่อทอยครบทุกคน ให้เปรียบเทียบ ตุ๊กตุ่นของใครใกล้เส้นที่สุดเป็นผู้ชนะ จากนั้น ผู้ชนะจะยืนที่ตำแหน่งตุ๊กตุ่นของตัวเอง แล้วใช้ตุ๊กตุ่นของตัวเองเอื้อมหรือปาไปให้โดนตัวอื่นที่อยู่ห่างเส้นในลำดับถัดไป เพื่อจะได้กิน (ครอบครอง) ตุ๊กตุ่นตัวนั้นไว้ หากกินได้ ผู้เล่นคนอื่นจะถูกลงโทษตามตกลง เช่น ดีดมะกอก ฯลฯ เมื่อจบรอบแรกก็หันหลังกลับ ยืนจรดเส้นที่สอง แล้วทอยกลับไปให้ใกล้เส้นแรกมากที่สุด ด้วยกติกาเช่นเดิม
当决定好顺序之后,玩家站在第一条线的后面,不准超过线,将手里的娃娃扔出去,仍在第二条线附近或者压着第二条线,当所有人都扔完之后开始比较,看 谁的娃娃离线最近就是获胜的人,之后获胜者站在自己娃娃的位置上,用自己的娃娃伸过去或者投掷到谁的娃娃上,就算是收了那个人的娃娃,如果谁的娃娃被收掉,就要接受惩罚,比如弹橄榄等等。第一轮结束之后就转过身来站在第二条线后面,把娃娃尽力扔回到第一条线上,规则和第一轮一样。


10. ว่าวไทย
10.  放风筝


เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์การเล่นว่าวในช่วงปิดเทอมที่ท้องสนามหลวงมาแล้ว แม้ว่าตอนนี้ภาพนั้นจะค่อย ๆ จางหายไปแล้วก็ตาม โดย "การเล่นว่าวไทย" เริ่มมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเรื่อยมา ตามที่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงภูมิปัญญาพื้นบ้านและวัฒนธรรมของไทยได้อย่างดี เพราะแต่ละท้องถิ่นจะคิดประดิษฐ์ว่าวแตกต่างกันไป "ว่าวไทย" จึงกลายเป็นมรดกตกทอดของแต่ละชุมชน และมีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่น
相信很多人都曾经在放假的时候去皇家田广场放过风筝,尽管现在这样的画面已经慢慢很少见了。放风筝的习俗从阿瑜陀耶时期兴起,留存有很多历史证据,可以说是很好的展示了泰国人的智慧和文化,因为各个地区都创造出了不同的放风筝方法,是民间宝贵的遗产,拥有着独一无二的特点。

โดย "ว่าว" มีหลายประเภท เช่น "ว่าวจุฬา" มีลักษณะเป็น 5 แฉก นิยมเล่นในภาคกลาง, "ว่าววงเดือน" หรือ "ว่าวบุหลัน" มักตกแต่งเป็นลวดลายเรือกอและ นิยมเล่นในภาคใต้ตอนล่า
风筝有好多种,比如有 五角形的,在泰国中部受欢迎,还有用花纹或渔船图案装饰的样式,在泰国南部更受欢迎。

การเล่นว่าวนั้นเล่นได้ทั้งหน้าหนาวและหน้าร้อน โดยอาศัยกระแสลมเป็นตัวฉุดให้ว่าวลอยขึ้น โดยหากเป็นลมหน้าหนาว จะเป็นลมที่พัดจากผืนแผ่นดินลงสู่ทะเล ทำให้คนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมเล่นว่าวกันในช่วงนี้ ส่วนหน้าร้อน มีลมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลพัดสู่ผืนแผ่นดินใหญ่ เรียกว่า "ลมตะเภา" ทำให้ชาวภาคกลาง ภาคตะวันตกและภาคใต้ นิยมเล่นว่าวในฤดูนี้
风筝在热季和 凉季都可以放,依靠风来让风筝飘起来,如果是凉季的话,风向是从陆地吹向大海,泰国北部和东北部的人更喜欢在这段时间放风筝,在热季的话,有东南风从海洋吹向大陆,泰国中部、西部和南部的人更喜欢在这个季节放风筝。

ส่วนวิธีการเล่นว่าวนั้น ส่วนใหญ่จะชักว่าวให้ลอยสูงติดลมบน เพื่อดูความสวยงามของว่าวรูปต่าง ๆ หรือฟังเสียงของว่าว นอกจากนี้ยังสามารถชักว่าวต่อสู้กันบนอากาศก็ได้
放风筝一般都是让风筝迎风飘浮在高空,欣赏风筝在空中的各种好看的形状,或者是听着风筝的声音,也有的人会比赛放风筝。


这些传统小游戏有一些在国内也有呢,泰语君小时候也玩过一些,不懂现在00后和10后的小朋友们有没有玩过呢?快在评论区告诉我们你小时候最喜欢玩的游戏吧!

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自kapook,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。