泰剧里女一和女二撕起来之后,经常能听到她们会冒出来一句:“ดอกทอง”,翻译成中文就是“金色的花朵”,表面上看起来平平无奇,但实际上侮辱性极强。到底是怎么回事,今天的文章来给你答疑解惑。


เท่าที่เรียนรู้จากสังคมไทยสมัยเก่า พบว่ามีคำด่าแบบน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย เช่น สันขวาน หอกหัก บ้าบิ่น และก็มีที่นิยมด่าเป็นสำนวนโวหารแบบใช้ฝีมือทางกวี เช่น “ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว” “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” “เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง” “คางคกขึ้นวอ”
据所了解到的关于以前泰国社会的知识,有很多看起来非常可爱的骂人的话,比如สันขวาน“脑子不灵光、不聪明”、หอกหัก“比喻像折断的茅一样没用的人”、 บ้าบิ่น“形容鲁莽 草率、说话做事不过脑子的人”,还有一些是用了类似诗句的熟语谚语来骂人,例如ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว“激浊扬清,嫉恶好善”、สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล“行为彰显品行”、เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง“看见大象拉屎,就也跟着拉屎,比喻跟屁虫”、คางคกขึ้นวอ“像坐上轿子之后得意忘形的蟾蜍一样”。



ส่วนคำด่าในวรรณคดีอย่าง “อีกลีกลำส่ำสาม” คำของนางตะเภาแก้วตะเภาทองที่ด่านางวิมาลาเมียชาละวันว่า สัญชาติจระเข้ได้ผัวจระเข้แล้วไม่พอยังจะเอามนุษย์ (ไกรทอง) ทำผัวอีก นัยยะของคำจึงเป็นการด่านางวิมาลาว่า “หญิงกลี (กาลี) มีผัวถึงสามคน”
还有文学作品中骂人的话อีกลีกลำส่ำสาม“找了三个丈夫的女人”,这是 Taphaokaew 和 Taphaothong 在咒骂 Chlawan 的妻子 Wimala 时的话,像鳄鱼一样找了鳄鱼作丈夫还不满足,还 要再找人类的丈夫,就是在说 Wamala 是一个“找了三个丈夫的女人”。




คำด่าของไทยร่วมสมัยโดยมากจะมีการแบ่งแยกเพศค่อนข้างชัดเจน โดยนิยมยกเอา “สัตว์” ไม่ประเสริฐทั้งหลายขึ้นเทียบเคียงในการด่ากัน ระดับการเจ็บแสบต่างกัน ขึ้นกับเพศเป็นสำคัญ
现代泰语中骂人的话有着很明显的性别 区分,喜欢用各种不那么神圣的动物来互相比喻辱骂,不同动物的侮辱性也不一样,关键在于听话者的性别。


สำหรับเพศชาย ว่ากันตั้งแต่ “ควาย” สัตว์สี่เท้าช่วยงานมนุษย์ที่ไม่เคยขี้รดหัวใคร นอกจากเติมปุ๋ยข้าวกล้าในนาไร่ รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลานที่นักธรรมชาติวิทยาระบุว่าเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมที่ “เหี้ย” อาศัยอยู่ แค่ชื่นชอบที่จะลากอาหารของคนอื่นไปกินในน้ำเท่านั้น ถ้าจะแฝงความหมายถึงความขลาดแล้วก็ต้อง “ไอ้หน้าตัวเมีย” ซึ่งคำนี้เองผู้ชายที่ถูกผู้ชายด้วยกันด่าก็จะเจ็บแสบประมาณหนึ่ง แต่ถ้าคนด่าเป็นผู้หญิงแล้วจะถึงกับปวดแสบปวดร้อนเลยทีเดียว ทำนองเดียวกับ “แรด” หากผู้ชายด่าผู้หญิงระดับความแสบร้อนจะสูงกว่าผู้หญิงด่าผู้หญิงหรือผู้หญิงด่าผู้ชายทบเท่าทวีคูณ
对于男性来讲,ควาย“形容人迟钝笨重”这种帮助人做苦力的动物就被拿来骂人,尽管牛从来没有在谁头上拉屎,只是偶尔给田里的秧苗施肥而已;还有一种动物也被用来当作骂人的词,生物学家认为它们的出现是当地富饶的标志,那就是เหี้ย“巨蜥”,他们只是喜欢把食物拖进水里享用罢了;如果想要暗含别人非常胆小,就会用 ไอ้หน้าตัวเมีย“娘娘腔”这样的词来讽刺,这样的话要是在男生和男生之间用的话,听起来还真的是非常扎心的,就算是被女生骂,也绝对不会好 受;还有แรด“犀牛”(形容抢别人男人的女人)这个词,如果是男生对女生说的话,杀伤力绝对要比女生对女生说强上好几倍。



ในเพศหญิง นิยมด่าคนที่สร้างความขุ่นเคืองเทียบกับดอกไม้ชั้นสูงที่ทำจากเหล่าสุวรรณกาญจนา นั่นคือ “ดอกทอง” หากเป็นสมัยต้นรัตนโกสินทร์มีอยู่คำหนึ่งนั่นคือ “สำเพ็ง” ถึงแม้จะเป็นย่านการค้าขายของคนจีน แต่ก็มีการทำธุรกิจส่วนตัวของผู้หญิงด้วย คนที่โดนด่าจึงเท่ากับถูกเปรียบเปรยว่าเป็นโสเภณี ติดตามมาด้วยคำด่ายุคเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกที่มีความหมายคล้ายกันคือ “ช็อกการี”
对女性来说,习惯用一种黄金做的高等花朵“ดอกทอง”来骂人,如果是在曼谷王朝初期的话,还有一个骂人的词是สำเพ็ง,虽然这是一个华人商业区,但是也有很多女性在那 边卖身,被骂 สำเพ็ง 的人就被比作为妓女,后来西方文化的涌入还带来了 ช็อกการี“妓女”这个骂人的词。



ส่วนคำที่ผู้หญิงนิยมด่าผู้หญิงด้วยกันรวมทั้งด่าผู้ชาย นั่นคือ “หน้า ห. สระอี” ความเจ็บแสบคงอยู่ที่การให้ความหมายแบบสะท้อนกลับ ในเมื่อ ห. สระอี เป็นของที่ผู้ชายโดยมากปรารถนา แต่กลับมีทัศนคติเกี่ยวกับสิ่งนั้น เหมารวมถึง ประจำเดือน ตลอดจนผ้าถุงผู้หญิงเป็นของต่ำ ใครมีของดีของขลังเจอผ้าถุงหรือระดูของผู้หญิงเข้าก็ถึงกับเสื่อมถอย เมื่อผู้ชายเป็นคนตั้งมาตรฐาน ห. สระอี ให้ผู้หญิงเป็นของต่ำ ผู้หญิงก็เอาคำนี้ไว้ด่าผู้ชาย
还有一些女性用来骂女性和男性的脏话,那就是 หน้า ห. สระอี(女性生殖器),一般情况下这个词所指的东西是男性所向往的,但是这个骂人的词中也涵盖了其他并不是很能 上得了台面的东西,例如月经和女性用过的布,见到之后都会是不祥之兆。既然男性认为这些东西对他们来说是不吉利的,女性就反过来用这些东西去骂他们。



แถวบ้านมีอีกคำที่นิยมด่ากัน นั่นคือ “อีเห็ด” ตระกูลพืชชั้นต่ำ แต่จนแล้วจนรอดถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่า เห็ด มันมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอันเป็นคุณสมบัติชั่วช้าเลวทรามที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างอย่างไร หรือเพราะเห็ดเมื่อได้ฝนโดนไอชื้นเข้าหน่อยละบานสะพรั่ง (เป็นดอกเห็ด) คนถึงเอามาใช้เป็นคำด่าคนด้วยกัน
还会听到 อีเห็ด“蘑菇”这个骂人的词,指低贱卑微的人,但至今仍想不明白,蘑菇是怎么被联想到污秽肮脏的,不值得被拿来学习呢?可能是因为蘑菇只需要一点雨水和潮气就能生长出来,所以才用来骂人(给点阳光就灿烂?)。




各位小伙伴们长知识了吗?但是学归学,可不能骂人哦~

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。