前段时间一条关于“阳刚之气”的热搜火了,某些砖家表示男孩子就应该有男孩子的样子,我们暂不去评论这种提议的合理性,如果你去观察他泰的男孩子们,你就会发现很多“不一样的美男子”在各个角落散发着不一样的魅力。但其实泰国历史上也曾经提出过“阳刚之气”的设想,到底是怎么回事,快来了解一下吧!



ความเป็นชาย (Masculinity) คือ คุณสมบัติ พฤติกรรม และบทบาทของผู้ชาย มีสังคมเป็นผู้กำหนดความหมาย ใช้มาตรฐานในการกำหนดที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัย วัฒนธรรมและสภาพสังคม จึงทำให้สิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นชาย” มีอยู่หลากหลายรูปแบบ อย่างสังคมชายล้วนที่อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน จนเกิดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนระหว่างเพศเดียวกันที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความรักความผูกพัน รู้จักนิสัยใจคอซึ่งกันและกัน ที่ก่อให้เกิดความกล้าที่จะต่อสู้และพร้อมเผชิญต่อสิ่งอันตรายถึงชีวิตอย่างสงคราม ก็ถูกนับเป็นรูปแบบหนึ่งของ “ความเป็นชาย”
“男子气概”指的是男性的特质、行为和作用,每个时代关于男子气概的社会准则也根据时代、文化和社会状况而有所不同,所以可以说“男子气概”是多种多样的。比如说男性成员长期共处的社会,产生了相同性别之间的友谊,相互之间的关爱和联系,互相熟悉脾气秉性,会产生敢于面对危险和与危险斗争的勇气,这样就成了“ 阳刚之气”。

เช่นความตั้งใจของรัฐบาลที่ตั้งใจเกณฑ์ทหารมารวมกลุ่มกันในค่ายทหารเพื่อสร้างความแข็งแกร่งอดทนและสร้างสายสัมพันธ์ให้เกิดความรักในพวกพ้อง วิธีดังกล่าวช่วยส่งเสริมความเป็นชาตินิยมและการเชื่อฟังจงรักภักดีต่อผู้นำกลุ่มชายล้วน ที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากต่อความมั่นคงของชาติ
再比如政府设立 很多军队规则,目的就是让其产生坚忍不拔的特质,在军队中形成互相关爱的气氛,这样的做法可以增强民族主义的建立,是军队对国家领导忠诚,这对于国家稳定有着极其重要的作用。

เหมือนกับ นายใน ที่เป็นสังคมชายล้วนของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งการกิน หลับนอน ทำงาน เล่น ออกกำลังกาย เดินทางไกล ฝึกซ้อมรบ เผชิญทั้งทุกข์และสุขร่วมกัน เพื่อให้เกิดความผูกพันและรักพวกพ้องให้เหมาะสมกับ “ความเป็นชาย” เช่น เสือป่า ที่มีการเกณฑ์นายในทุกคนให้เป็นเสือป่า ภายใต้ชื่อ กองเสือป่ารักษาพระองค์ หรือกองเสือป่าหลวง มีรัชกาลที่ 6 เป็นผู้บังคับบัญชา
就好比曼谷王朝拉玛六世时期的“内臣”,这部分人要一起吃一起睡并一起工作、玩耍,例如运动锻炼、远足、作战训练等等,需要和同甘共苦,让他们 之间互相关爱和互相关心,这是符合当时社会的“男子气概”的。再比如当时以拉玛六世为总指挥的“猛虎军”,将士兵训练成如森林猛虎般的将士,名为“皇家猛虎内臣团”。

การอาศัยอยู่ในค่ายซ้อมรบ ภายใต้กฎระเบียบอย่างเคร่งครัดตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามออกจากบริเวณค่ายแม้จะเป็นเวลาว่างก็ตาม นายในจึงไม่สามารถออกไปสร้างสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นได้นอกจากคนในกลุ่มเสือป่าด้วยกันเอง เวลาส่วนใหญ่จะฝึกซ้อมรบและเดินทางไกล ยามว่างนายในก็จะจับกลุ่มเล่นกีฬา เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ขณะเดียวกันการเดินทางยิ่งห่างไกลเท่าไรเส้นทางก็จะเป็นป่ามากขึ้น ทำให้เหล่านายในคอยดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และระวังภัยอันตรายให้กันมากขึ้น แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยในหมู่นายใน
居住在作战训练营地中,24小时处在严格规定的管理之下,虽然有空闲时间但是也不能离开营地。因此,国王的贴身内臣不能和处了同类成员之外的其他社会成员建立社会 关系,大部分时间都是在训练作战和远足,有空闲时间的话,他们也都是在一起做运动,促进成员之间的团结。远足也都是在森林中进行,让成员之间懂得互相照顾,察觉危险,展示成员之间的相互关心。

จากกิจกรรมดังกล่าวช่วยให้นายในมีความสัมพันธ์ที่รักใคร่สนิทสนมกันเองในหมู่คณะและแบบสองต่อสอง เช่น กรณีพระยาคทาธรบดีสีหราชบาลเมืองได้พรรณนาหลังจากเจ้าพระยารามราฆพถึงแก่อสัญกรรมว่า “…ร่วมเล่น ร่วมสนุก ร่วมงาน ร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ตั้งแต่สมัยปฐมวัยจนถึงปัจฉิมวัย แม้ว่าในตอนท้ายแห่งอายุเราจะต้องแยกจากกันโดยธรรมชาติธรรมดา แต่ความติดต่อสัมพันธ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจก็คงมีอยู่เป็นอันดี…” 
经过上述活动的训练,可以让成员们互相之间产生亲密的关系,甚至是一对一的关照,例如拉玛六世的内臣之一 Thiap Asawarak 在 Chao Phraya Ram Rakop 去世的时候说到 :“…一起玩,一起开心,一起工作,一起吃饭,一起睡觉,同甘共苦,从孩提时期一直到生命的最后,虽然在人生的尽头我们不得不被自然规律阴阳两隔,但是身体和心灵之间的联系仍然存在…”。

และกรณี กลุ่มของเนื่อง สาคริก, อั้น บุนนาค, เฉลิม เศวตนันทน์ และชิด บุนนาค ที่ได้รับพระบรมราโชวาทในคราวถวายตัวเป็นมหาดเล็กกองตั้งเครื่อง เมื่อ พ.ศ. 2461 ต่างปลื้มปีติกอดคอกันและกัน พร้อมกล่าวคำมั่นสัญญาต่อกันว่า “ถ้าพวกเราทั้ง ๔ นี้คนใดได้ความรู้ใหม่มาจะต้องรีบนำมาเผยแพร่ให้ทีมของเราเรียนรู้ทุกครั้ง” ซึ่งทั้ง 4 คน ต่างปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรักความผูกพันระหว่างนายในที่อาศัยอยู่ร่วมกันตลอดเวลา จนเกิดมิตรภาพที่แน่นแฟ้น ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของ “ความเป็นชาย” เช่นกัน
另一个例子是 Nueang Sagarik、An Bunnag、Chaloem Sewatanan 和 Chit Bunnag 的团体,曾经一起立下誓言:“我们四个人中任何一个人获得了新的知识都要分享给其他 成员,让四个人同时学习。”这四个人就一直秉承了这个诺言,他们从始至终都住在一起,展示出了相互之间的情谊,产生了浓厚的友谊,是“男子气概”的一种体现形式。

นอกจากนี้ รัชกาลที่ 6 ทรงพยายามอย่างมากในการผลิตและนิยาม “ความเป็นชาย” ภายในกลุ่มนายในของพระองค์ โดยใช้หลัก ราชาชาตินิยม ที่ผู้ชายจะต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความกล้าหาญยอมสละชีพเพื่อชาติและพระมหากษัตริย์ สำหรับสร้างอำนาจและความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ นายในหลายคนจึงไม่ได้มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นลึกซึ้งระหว่างกัน แต่ถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องพระมหากษัตริย์และระบอบราชาธิปไตย (Monarchy) เลยทีเดียว
除此之外,拉玛六世在对于“男子气概”也是极尽全力在内臣团体中推进和定义,采用了“王室-国族主义”的原则,内涵是男人必须对国家、宗教和国王忠诚,要敢于为国家 和国王献出生命,以建立王室的威严和稳定,内臣之间不仅仅有彼此之间紧密的联系,还会为了保护国王及君主制度而献出生命。

โดยเอกลักษณ์อย่างหนึ่งเกี่ยวกับ “ความเป็นชาย” ของนายในที่พิเศษกว่าสังคมอื่น คือการยอมรับผู้ชายที่มีลักษณะและกริยาท่าทางเหมือนผู้หญิง หรือชอบแต่งกายแบบผู้หญิง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนและมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของนายในที่ทุกคนต่างเปิดใจยอมรับในตัวตนของแต่ละคน ไม่มีการรังเกียจเพศวิถีและรสนิยมทางเพศ ซึ่งแตกต่างจาก “ความเป็นชาย” ของตะวันตกที่นิยมเรื่องความแข็งแกร่งและประพฤติตนให้สมกับเป็นสุภาพบุรุษ
泰国王室内臣中的“男子气概”还有一个特点,那就是接受行为举止女性化的男性或喜欢女性装扮的男性,这也彰显了内臣们之间的包容和友谊,每个人都对彼此敞开心扉 ,不嫌弃他人的性别取向,和西方的“阳刚之气”有所不同,因为西方的阳刚之气总是把男性和坚强联系起来。

นอกจากนี้ “ความเป็นชาย” ของนายในยังสะท้อนถึงการได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมการแสดงละครในวังที่ผู้หญิงแสดงเป็นผู้ชายส่วนผู้ชายแสดงเป็นผู้หญิง จึงทำให้สังคมในวังต่างคุ้นเคยและยอมรับต่อการแต่งตัวข้ามเพศ เช่น การเล่นละครโขนที่ต้องใช้ผู้ชายทั้งหมดแสดงเป็นผู้หญิง ก็ได้เปิดโอกาสให้ผู้ชายที่ชอบแต่งกายแบบผู้หญิง หรือมีลักษณะท่าทางรูปร่างหน้าตาคล้ายผู้หญิงเข้ามามีบทบาทสำคัญและเป็นที่ยอมรับของสังคม เช่น พระยาอนิรุทธเทวาที่คนใกล้ชิดทั้งเพื่อนและภรรยาได้กล่าวพ้องกันว่ามีเอวบางร่างน้อย กริยาท่าทางคล้ายผู้หญิงและเป็นนางละครชายที่สมจริง แม้กระทั่งรัชกาลที่ 6 ทรงก็เคยแต่งหญิง เช่น การแสดงละครพูดเรื่อง มิตรแท้ (My Friend Jarlet)ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman ซึ่งทรงแสดงเป็น มารี เลอรูซ์ นางเอกของเรื่อง
除此之外,内臣们中的“阳刚之气”还受到了宫廷剧中女扮男装和男扮女装表演的影响,这也让整个宫廷社会对于跨性别装扮非常熟悉,例如孔剧的表演中,所有女性角色都是由男性演员扮演的,就给了喜欢女性装扮的男性机会,或者一些行为举止和容貌偏向女性化的男性演员就可以发挥自己的作用,这种现象的接受程度非常高,例如Phraya Anirutthewa身边的人,包括朋友和妻子都说他腰细体轻,行为举止和女性类似,是很好的女性角色扮演者。就连拉玛 六世本人也曾经扮演过女性角色,例如Arnold Golsworthy 和E.B. Norman的话剧 《My Friend Jarlet》,他扮演了话剧的女主角Marie Leroux。

ดังนั้น “ความเป็นชาย” ตามนิยามของนายใน และรัชกาลที่ 6 จึงมองข้ามเรื่องเพศวิถี แต่มุ่งสนใจในการแสดงออกทางเพศสภาพและสถานภาพทางสังคม ยึดหลักเข้มแข็งและอ่อนโยน ที่ผู้ชายต้องมีความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ และรักพวกพ้อง ไม่มีการรังเกียจหรืออคติต่อคนในกลุ่มที่มีเพศวิถีและรสนิยมแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์พิเศษของสังคมชายล้วนของรัชกาลที่ 6 และนายใน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “ความเป็นชาย” แบบชายรักชายเหมือนชาติตะวันตก
因此,在拉玛六世和他内臣中流行的“阳刚之气”已经超越了性别行为,而是更加关注性别的外在表现和社会状况,兼顾坚强和温柔,男性要忠诚、敢于牺牲、爱护同伴,不歧视或对性别行为不同人有偏见,这可以说是拉玛六世时期非常特殊的一种男子汉气概,并不是完全照搬西方对男子汉的定义。

 

没想到拉玛六世时期的他泰社会就已经这么先进了啊!小编想说的是,大家每个人都有无限可能,千万不要被“性别”这个概念框住哦!

 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。