说到泰国的普密蓬国王,除了他对泰国社会的巨大贡献之外,另一个大家会谈论的话题就是他和诗丽吉王后的爱情佳话了。两个人相爱走过一生,从最开始的青涩,到最后的相濡以沫,可以说是很多人都羡慕的“神仙爱情”了。那么你知道他们两个人初次相见是在哪里吗?有没有一见钟情呢?今天我们就带大家一探究竟。



“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันก็จะสร้างป่า...” พระราชดำรัสดังกล่าวของ “สมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง” สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงพระราชหฤทัยที่ผูกพันลึกล้ำยิ่งกับ “พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร” และความสมัครสมานที่ทรงมีต่อกันและกันในการทุ่มเทรักนั้นจนกลายเป็นพลังแห่งรักเพื่อประชาชน
“国王是水,我是树林,永远忠诚于水的树林,国王兴修水库,我会种植森林…”诗丽吉王后的话语表明了她和普密蓬国王内心深处紧密的联系,也展现了他们忠贞的爱情和付出,最终将爱 恩泽于自己的子民。



ย้อนความทรงจำแห่งรักไปถึงวันวานอันแสนหวาน “แรกสบเนตร” จุดกำเนิดของการสร้างตำนาน “รักแรกพบ” อันลือลั่น ณ บริเวณชานเมืองในกรุงปารีส พุทธศักราช 2490 “หม่อมเจ้านักขัตรมงคล” เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วยคณะบุคคลจากสถานทูตไทยฯ ขบวนรถอารักขา ตลอดจนเหล่านักเรียนไทย ต่างตั้งใจเฝ้าฯรับเสด็จ “พระมหากษัตริย์องค์ใหม่” ด้วยความปีติยินดียิ่ง ในช่วงเวลานั้น “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” (ขณะนั้นยังไม่มีการตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี) ประทับ ณ พระตำหนักวิลล่าวัฒนา เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยโลซานน์ ในสาขาสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ การเสด็จฯจากเมืองโลซานน์มายังกรุงปารีสในครั้งนี้ ก็เนื่องด้วยมีพระราชประสงค์จะเลือกซื้อรถยนต์พระที่นั่งแทนคันเดิมที่มีสภาพทรุดโทรมมากแล้ว โดยทรงยืนยันว่าจะประทับที่สถานทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศส เฉกเช่นเดียวกับนักเรียนไทยในยุคนั้น
回顾这段甜美爱情故事的开端,两个人的初识初见发生在1947年的法国巴黎。当时的泰国驻法国大使 Nakkhatra Mangala 带领大使馆的一行人和很多泰国留学生准备迎接普密 蓬国王(当时还没有按古代惯例举行加冕仪式),当时国王居住在瑞士洛桑的 Villa Vadhana 行宫中,在洛桑大学学习社会学、法学和政治学,这次从洛桑到巴黎是希望能够选择一辆心仪的汽车,因为旧车已经非常老旧了,并坚持住在泰国驻法国使馆,就像当时的泰国学生一样。



ยิ่งใกล้จะถึงเวลา 4 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาตามหมายกำหนดการ ผู้คนที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ ต่างก็ตื่นเต้นยินดีที่จะได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึง “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร” คุณหญิง วัย 15 ปี ผู้เป็นธิดาองค์ใหญ่ของ “หม่อมเจ้านักขัตร มงคล” ที่ได้รับอนุญาตให้มาร่วมรับเสด็จด้วย
当快要到达下午四点的时候,这也是约定好的时间,前来迎接国王的人非常激动,因为能够亲眼见到国王本人,当时的诗丽吉年龄15岁,是蒙昭 Nakkhatra Mangala 的大女儿,也被允许参加了本 次迎接国王的活动。



“หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” แต่งกายเรียบร้อยในชุดสูทสีเนื้อ เส้นเกศาสีดำขลับเป็นเงางามถูกถักเปียเดี่ยวยาวไปจนถึงกลางหลัง ดวงเนตรสีนิลคู่สวยทอประกายระยับบ่งบอกถึงความตื่นเต้น เพราะเท่าที่ผ่านมา สิ่งที่คุณหญิงเคยแสดงออกถึงความจงรักภักดี ก็เพียงแค่การได้ปักดอกไม้ถวายแจกันที่พระบรมฉายาลักษณ์ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จะมีโอกาสเข้าเฝ้าฯชื่นชมพระบารมีของ “ในหลวง” อย่างใกล้ชิด ระหว่างที่กำลังรอคอยอย่างจดจ่อ คุณหญิงจึงตั้งอกตั้งใจซักซ้อมถอนสายบัวด้วยความอดทน แต่จนแล้วจนรอด 4 โมงเย็นผ่านไป กระทั่งฟ้ามืด ก็ยังไร้วี่แววว่ารถยนต์พระที่นั่งจะมาถึง
诗丽吉身穿一身裸色的套装,非常得体,将头发整理成一条长度及腰的辫子,眼神中闪烁着紧张激动的光芒,因为在这之前她对国王的忠诚也仅限于在有国王标志的花瓶中插上鲜花而已,但今天是她生命中第一次有机会近距离接触到国王,在专心等待的期间,她认真练习为国王行礼的姿势,但当四点已经过去了,仍然没有看到国王的车 到来。



ถึงตอนนี้ ผู้ใหญ่ที่มาเฝ้าฯรับเสด็จตั้งแต่บ่าย เริ่มมีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ทรงตรงต่อเวลาเสมอ การผิดเวลาอย่างมากในครั้งนี้ จึงทำให้เหล่าผู้ใหญ่รู้สึกแปลกใจระคนห่วงกังวลใจ ด้าน “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” ดวงหน้าที่กระจ่างด้วยรอยยิ้ม เริ่มจะแสดงอาการ “หน้ามุ่ย” ขึ้นมาบ้าง เพราะขณะนั้นเวลาล่วงเลยไปจนเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว แต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังไม่เสด็จฯ ดังนั้น สำหรับคุณหญิงวัยแรกแย้ม การพบกันครั้งแรกจึงไม่สร้างความประทับใจสักเท่าไหร่
到了这个时候,来迎接国王的领导们  从下午就一直在等着了,已经明显开始有些着急了,因为大家都知道,普密蓬国王是非常守时的一个人,这次迟到这么久就让等待的人都感到非常奇怪并且焦急。诗丽吉也开始有些眉头紧皱,当时时间已经到了晚上七点,但是国王仍然没有到。因此,对于这个年轻的女孩子来说,他们的初次见面并不是十分顺心。



อย่างไรก็ตาม ในที่สุด “ในหลวง” ก็เสด็จฯมาถึง ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน โดยสาเหตุที่ทรงมาถึงล่าช้ากว่ากำหนดมาก เป็นเพราะรถยนต์พระราชพาหนะเครื่องเสียและน้ำมันหมดกลางทาง ทำให้ต้องใช้เวลาแก้ไขนานพอควร ระหว่างที่ทรงทักทายคณะบุคคลผู้เฝ้าฯรับเสด็จ สายพระเนตรของกษัตริย์หนุ่มก็สบเข้ากับดวงเนตรคมสวยของหม่อมราชวงศ์สาว ที่แม้ยังเจือด้วยแววเคืองขุ่น แต่ก็ไม่อาจลดทอนเสน่ห์ความงามในดวงพักตร์อันผุดผาด
无论如何,最终国王还是到了,大家都松了一口气,导致他迟到很多的原因是国王的汽车发生了故障,汽油在半路耗尽了,需要花很长时间修理。当国王和迎接的代表团打招呼的时候, 国王和诗丽吉美丽的眼神视线交汇,虽然仍然夹杂着一些闷闷不乐,但是也不能遮挡她眼神中的魅力。



ก่อนหน้านี้ “สมเด็จพระราชชนนี” (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ซึ่งประทับอยู่ด้วย ณ พระตำหนักวิลล่าวัฒนา เมืองโลซานน์ ได้รับสั่งถึง “ความน่ารัก” ของ “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” ให้พระราชโอรสทรงทราบบ้างแล้ว กระทั่งในการเสด็จฯเยือนปารีสครั้งนี้ ก็ทรงกำชับว่า ให้ไปทอดพระเนตรธิดาของท่านทูตไทยว่าสวยและน่ารักไหม “ถึงปารีสแล้ว โทร.บอกแม่ด้วย” ขณะนั้นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความในพระราชหฤทัยของกษัตริย์หนุ่ม กระทั่งเมื่อทรงโทรศัพท์กลับไปยังเมืองโลซานน์ และ “สมเด็จพระราชชนนี” รับสั่งถามถึง “ธิดาของท่านนักขัตรมงคล” มีเพียงคำตอบสั้นๆว่า “เห็นแล้ว น่ารักมาก” เป็นเครื่องยืนยันว่าทรงถูกศรกามเทพเล็งปักอกเข้าให้แล้ว
在这之前,居住在洛桑 Villa Vadhana 行宫中的诗纳卡琳王太后曾经向自己的儿子介绍过诗丽吉,这次国王的巴黎之行她也叮嘱说去看看大使的女儿有多么漂亮和可爱:“到了巴黎之后, 打电话告诉妈妈。”当时没有人知道这位年轻国王内心所想的东西,当打电话给母亲的时候,只是简单地说到:“看到了,非常可爱。”表明了爱神之箭已经射中的他的心。



หลังจากนั้นก็ได้เสด็จฯ ไปยังโรงงานทำรถยนต์ในกรุงปารีสอีกหลายครั้ง และทุกครั้งจะทรงพำนักอยู่ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสเสมอ พร้อมพระราชทานโอกาสให้เหล่านักเรียนไทยจัดหาเครื่องเล่นมาร่วมวงบรรเลงดนตรีอย่างครึกครื้นเป็นกันเอง โดยไม่ทรงลืมเชื้อเชิญ “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” เข้าร่วมวงด้วย ในฐานะนักเปียโนฝีมือดี และมิตรคู่พระทัย ความรักความทรงจำอันแสนหวานซึ้ง นำความชุ่มชื่นหัวใจมาสู่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศในเวลาต่อมา
后来国王多次去到巴黎的汽车厂,每次都居住在泰国驻巴黎使馆之中,还亲切地让泰国学生和他一起进行音乐创作,当然也没有忘记邀请诗丽吉一起参加,因为她是一位钢琴好手 ,甜蜜的友谊和爱情在后来滋润了泰国人民的心窝。



ภายหลังล่วงไปจนปี 2521 “สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ได้พระราชทานสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ในความทรงจำครั้งนั้นว่า “สำหรับข้าพเจ้าเป็นการ “เกลียดแรกพบ” มากกว่า “รักแรกพบ” เนื่องเพราะพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า จะเสด็จฯถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงแล้วเสด็จฯมาถึง 1 ทุ่ม ช้ากว่านัดหมายตั้ง 3 ชั่วโมง ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องซ้อมถอนสายบัวอยู่ จนแล้วจนเล่า จึงเป็นการเกลียดเมื่อแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ”
后来到了1978年,诗丽吉王后接受采访被问到了当时的那次见面,对她来说,“相比于‘一见钟情’,更像是‘一见生恶’,因为国王命令大家四点去迎接,但是到达的时间却是晚上 七点,迟到了三个小时,我当时不得不一直练习行礼的姿势,一遍又一遍,所以第一次见面印象很不好,而不是一见钟情。”



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนแรกพบนี่เอง กลายเป็นเรื่องที่ “พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว” ทรงนำมาล้อ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ในภายหลังเสมอว่า “เดินตุปัดตุเป๋ หน้างอ คอยถอนสายบัว” ขณะที่ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ก็ทรงตอบโต้ว่า “ที่หน้างอ เพราะให้แต่ผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะเสวย เด็กกลับไล่ไปกินที่อื่น” ถือเป็นหนึ่งในความทรงจำแห่งรักอันงดงามโรแมนติก ที่ทำให้ทั้งสองพระองค์ทรงพระสรวลทุกครั้งเมื่อตรัสถึง.
两个人初次见面发生的故事成了普密蓬国王拿来和诗丽吉王后开玩笑的内容:“来来回回地走路,脸色阴沉,认真地行礼”,王后也说:“脸色阴沉的原因只让大人物们上桌吃饭,把小孩子们都赶到一边了,”可以说是一段非常浪漫的回忆了,每次想到都会让两个人大笑。




原来国王和王后的爱情里也有这种诙谐的小故事啊!真的是羡煞旁人啊!

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自thairath,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。