我们都知道佛教在泰国具有很高的地位。宪法规定国王必须是佛教徒,从拉玛一世国王到拉玛十世国王,无一不是佛教徒。国王继位前,要出家入寺当和尚,度过一段僧侣生活,登基时还要举行隆重的祭佛仪式。历代国王均非常重视发展佛教,建立佛寺,以凝聚民心,他们在位期间都会有专门的皇家佛寺。今天我们就来看一看拉玛一世到十世王在位期间的专属皇家佛寺分别是什么寺!


ชวนสายบุญมารู้จักกับ วัดประจำรัชกาลที่ 1-10 ไปไหว้พระ10 วัด 10 รัชกาล ในกรุงเทพ กันค่ะ ซึ่งแต่ละวัดนอกจากจะมีสถาปัตยกรรมที่งดงามแล้ว ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยมาอย่างยาวนานหลายยุคหลายสมัยอีกด้วย
一起来认识一下泰国曼谷1-10世王时期的皇室御用祈福佛寺,一起去祈福吧!每座寺庙除了有漂亮的佛寺建筑之外,还有十分有趣的历史故事,还是多个朝代泰国人的信仰寄托。

สำหรับพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีไทย ทรงมี วัดประจำรัชกาล ได้มีการสร้างวัดประจำพระองค์ขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา จวบจนถึงรัชกาลที่ 10 เช่นกัน ทุกพระองค์ทรงเป็นองค์อัครราชูปถัมภกทางด้านพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ตามเรามารู้จักวัดประจำรัชกาลกันค่ะ
泰国皇室佛寺是从却克里王朝(曼谷王朝)开始有的,拉玛一世到拉玛十世在位期间都有建造皇室御用佛寺,他们都是很虔诚的佛教徒。下面我们一起看看都有哪些御用佛寺。


วัดประจำรัชกาลที่ 1
一世王时期皇家佛寺
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
臥佛寺




วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ท่าเตียน เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง นอกจากนี้ทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551 อีกด้วย
臥佛寺又称菩提寺,泰国重要的寺庙之一,是拉玛一世在位时期的皇寺,相当于泰国第一所大学,是多门学科的综合大学。此外,它于 2008 年 3 月被联合国教科文组织列为亚太地区的世界遗产。

มีหลักฐานปรากฏในศิลาจารึกไว้ว่า หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระบรมมหาราชวังแล้ว ทรงพระราชดำริว่า มีวัดเก่าขนาบพระบรมมหาราชวัง 2 วัด ด้านเหนือ คือ วัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ) ด้านใต้คือ วัดโพธาราม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางเจ้าทรงกรม ช่างสิบหมู่อำนวยการบูรณะปฏิสังขรณ์ เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2331 ใช้เวลา 7 ปี 5 เดือน 28 วัน จึงแล้วเสร็จ และโปรดฯ ให้มีการฉลองเมื่อ พ.ศ. 2344 พระราชทานนามใหม่ว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ
有碑文记载:拉玛一世王下令建造了大皇宫后,大皇宫旁边有两座古老的佛寺,北边的玛哈泰寺(Wat Salak),南边的菩提寺(Wat Photharam),便又下令让工匠修缮这2座佛寺。从1788年开始,历时7年5个月28天完成,于1801年开展庆祝活动。国王给菩提寺御赐了新名字:卧佛寺。

นอกจากนี้ที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย ต่อมา รัชกาลที่ 4 ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม”
此外,祭坛下方供奉着佛陀的主佛像,安放着历届帝王及皇室成员的骨灰,后来拉玛四世时期,更名为帕彻独彭皇家大寺院。


วัดประจำรัชกาลที่ 2
二世王时期皇家佛寺
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
郑王庙




วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณ จากหลักฐานเชื่อว่าสร้างในสมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดมะกอกนอก ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าให้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของรัชกาลที่ 2 มาบรรจุที่พุทธอาสน์ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในอุโบสถ
黎明寺又称郑王庙,相传建于大城王朝,原名为橄榄树佛寺(Wat Makok),拉玛四世时期将拉玛二世的骨灰安置在佛殿中。

วัดอรุณฯ ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ จึงโปรดให้สร้างพระอุโบสถและพระวิหารต่อจนแล้วเสร็จ พร้อมทั้งทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูป ด้วย ฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง และโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดอรุณราชธาราม ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการก่อสร้างพระปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งมีความสูง 82 เมตร กว้าง 234 เมตร แต่มาเสร็จสมบูรณ์ ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดอรุณราชวราราม”
拉玛二世在位期间,对郑王庙进行全面修整,建造了佛殿和附属佛寺。竣工后,他还亲手雕刻了一尊佛像,命人铸造为佛殿的主佛像。并将郑王庙更名为黎明寺。后拉玛三世在位期间,开始建造高82米,宽234米的佛塔,到拉玛四世王才竣工,名字改为 วัดอรุณราชวราราม


วัดประจำรัชกาลที่ 3
三世王时期皇家佛寺
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
王子寺



 
พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงสถาปนาวัดจอมทองขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม เนื่องจากเมื่อครั้งที่ทรงยกทัพไปสกัดทัพพม่าที่ด่านพระเจดีย์สามองค์ ใน พ.ศ.2363 เมื่อกระบวนทัพเรือมาถึง วัดจอมทอง ฝั่งธนบุรีทรงหยุดพักและทำพิธีเบิกโขลนทวารตามตำราพิชัยสงครามพร้อมทรงอธิษฐานขอให้การไปราชการทัพครั้งนี้ได้ชัยชนะ แต่ปรากฏว่าไม่มีทัพพม่ายกเข้ามา
吉滴耶功王子(拉玛三世) 重建了宗通寺。1820年三世王率兵迎战缅甸,经过吞武里宗通寺时,他停下来休息并按照兵法举行了祈福仪式,祈求战争胜利(承诺若取得胜利,定会整修佛寺使其更加的雄伟辉煌),但最终缅军并没有攻打泰国。

เมื่อยกทัพกลับ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดจอมทองใหม่ และถวายเป็นพระอารามหลวงแด่รัชกาลที่ 2 ซึ่งเป็นผู้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดราชโอรส ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกสั้นๆจากชื่อเต็มว่า วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชโอรสซึ่งเป็นผู้บูรณะ
率兵归来,拉玛三世就下令修缮宗通寺,作为皇家佛寺献给国王拉玛二世,拉玛二世将其更名为Wat Ratcha Orasaram Ratchaworawihan,简称“王子寺” ,以纪念修缮此佛寺的王子。


วัดประจำรัชกาลที่ 4
四世王时期皇家佛寺
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
拉查巴迪寺




วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ข้างสวนสราญรมย์ เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.2407 เพื่อเป็นวัดธรรมยุตินิกาย เพื่อให้เจ้านายและข้าราชการทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน ได้บำเพ็ญกุศลกันได้สะดวกขึ้น เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวังและทรงพระราชทานนามว่าวัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
拉查巴迪寺位于 Saranrom 公园旁,1864 年拉玛四世重金打造用作皇家佛寺,以便皇家和政府官员祈福,因为它靠近大皇宫,就命名为Wat Ratchapradit Sathitthammayutkaram,后来更名为Wat Ratchapradit Sathitmahasimaram


วัดประจำรัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 7
五世王及七世王时期皇家佛寺
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
拉查波比托寺




คำว่า ราชบพิธ หมายถึง พระราชาทรงสร้าง ซึ่งก็คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสีพระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ ส่วน สถิตมหาสีมาราม ก็คือเป็นวัดที่ประดิษฐานเสมาขนาดใหญ่ เพราะตามปกติแล้วเสมาของวัดโดยทั่วไปจะอยู่ตามมุมหรือติดอยู่กับตัวพระอุโบสถ แต่เสมาของวัดนี้ตั้งอยู่บนกำแพงรอบวัดถึง 8 ด้าน จึงเป็นการขยายเขตทำสังฆกรรมของสงฆ์ให้กว้างขึ้น
拉查波比意思是国王建造,这座佛寺是朱拉隆功国王为了纪念他的王后和王妃而建造的,该寺供奉着佛牌。通常寺庙的佛牌通常位于角落或挂在佛殿上,但这座寺庙的佛牌在寺庙四周的墙壁上,也就扩大了僧侣僧伽羯磨的面积。

วัดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 ด้วย เพราะในรัชสมัยของ รัชกาลที่ 7 มิได้มีการสร้างวัด แต่ท่านก็ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธนี้ด้วย ดังนั้นจึงถือเป็นวัดประจำพระองค์ด้วยเช่นกัน
这座寺庙不仅是拉玛五世王的御用佛寺,这座佛寺也是拉玛七世王的皇家佛寺。因为拉玛七世王在位期间没有建造寺庙,但他肩负定期维护和修复拉查波比托寺的责任。因此,拉查波比托寺也被认为是他的御用佛寺。


วัดประจำรัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 9
六世王及九世王时期皇家佛寺
วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร
僧王寺




วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เป็นวัดที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพโปรดให้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) มีสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน พระอารามนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
僧王寺是拉玛一世第17个王子拉玛三世在位期间建造的,融入了中国建筑风格。曾经作为4位僧王的居住地,这座佛寺也是Mahamakut 佛学大学的所在地。

วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เดิมชื่อ วัดใหม่ เป็นวัดโบราณ เมื่อรัชกาลที่ 4 ทรงผนวชได้เสด็จมาประทับ และทรงตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุตติกนิกายขึ้นที่วัดนี้เป็นครั้งแรก ถือเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ทรงผนวช ณ วัดนี้อีกด้วย
僧王寺,原名Wat Mai,是一座古寺。拉玛四世王驾临时,拉玛四世曾首次在此设立法宗派。它被认为是重要的寺庙之一,拉玛六世、七世和九世也是在这剃度出家的。

อีกทั้งหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) จะอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐานที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ซึ่งจะถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 9
此外,在普密蓬·阿杜德国王(拉玛九世)火葬仪式后,遗骨也是供奉在僧王寺的,它也被认为是拉玛九世王的御用佛寺。


วัดประจำรัชกาลที่ 8
八世王时期皇家佛寺
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
素泰寺(Wat Suthat)




วัดสุทัศน์ เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใน พ.ศ.2350 แต่มาเสร็จบริบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ.2390 และพระราชทานนามว่า วัดสุทัศนเทพวราราม
素泰寺(Wat Suthat),1807 年,由拉玛一世王开始建造,1847年拉玛三世王统治期间才建成,并命名为素泰寺。

ภายในวัดสุทัศนเทพวรารามเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญ พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีเมื่อ พ.ศ. 2493 และมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรในวันที่ 9 มิถุนายนของทุกปี
素泰寺里面是皇家纪念碑。1950年国王阿南塔瑪希敦 (拉玛八世王)火葬礼之后在这举行了皇家功德仪式,然后将遗骨供奉在这。之后每年 6 月 9 日这里都会有祭拜八世王的仪式。


วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
拉玛九世金禧寺




แม้วัดพระรามเก้าจะไม่ได้เป็น วัดประจำรัชกาลที่ 9 แต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีความผูกพันอย่างใกล้ชิด
虽然拉玛九世金禧寺不是拉玛九世的御用佛寺,但却与普密蓬·阿杜德国王有着密切的关系。

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ทรงมีพระราชดำริให้สร้าง วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก ขึ้นโดยก่อสร้างเป็นวัดเล็กๆ เพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง และเพื่อให้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนาและกิจกรรมต่างๆ ในการเผยแพร่ศีลธรรมและจริยธรรมเพื่อการพัฒนาชุมชน
在普密蓬·阿杜德国王(拉玛九世)统治时期,他下令建造一座小寺庙,以凝聚附近居民的民心,传播道德伦理促进社区发展,为佛教活动以及各种活动提供场所。

สำหรับ พระประทานที่ประดิษฐาน ณ อุโบสถวัดพระรามเก้าฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยเลือกแบบพระพุทธรูปปางมารวิชัย (ปางชนะมาร) จากการออกแบบเสนอโดยเรืออากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีและสถาปนิกของกรมศิลปากรทั้งหมด 7 แบบ โดยพระองค์ทรงแก้ไขแบบด้วยพระองค์เอง
供奉在拉玛九世金禧寺的佛像,是普密蓬·阿杜德国王亲自从前美术部总干事兼建筑师空军中尉Ngern Chuklin的设计中,选了7幅战胜魔罗佛像设计来改造的。


วัดประจำรัชกาลที่ 10
十世王时期皇家佛寺
วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร
Wat Wachiratham Sathit Worawihan




วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร หรือวัดทุ่งสาธิต สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2399 โดยคหบดีชาวลาวชื่อ นายวันดี ที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ ภายหลังจากเจ้าอาวาสรูปสุดท้ายมรณภาพ ทำให้ไม่มีใครสืบสานต่อจนกลายเป็นวัดร้าง ต่อมาปี พ.ศ.2506วัดได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้สวยงามดังเดิม
Wat Wachiratham Sathit Worawihan 或 称作Wat Thung Satit 由一位从万象移民过来的老挝富翁万迪先生建于 1856 年左右。最后一位住持圆寂后,没有人来当住持,就变成了一座废弃的寺庙。1963年翻修后,和以前一样漂亮。

และเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2508 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ (รัชกาลที่ 10) ทรงรับวัดทุ่งสาธิตไว้ในพระอุปถัมภ์ พร้อมได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร” ด้วย พระอาจารย์สาธิต ฐานวโร ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายวัดทุ่งสาธิต แด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ (พระยศรัชกาลที่ 10 ในขณะนั้น)
1965 年 9 月 9 日,拉玛九世王让哇集拉隆功王子(现拉玛十世王)将其纳入皇家资助的寺庙中,并赐新名Wat Wachiratham Sathit Worawihan,Phra Ajarn Satit Thanwaro 请求皇家许可将Wat Wachiratham Sathit Worawihan授予哇集隆功奇拉隆功王子。


这么多佛寺你认识哪些或是你去过哪些呢?

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自travel,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。