经过这些年学泰语的经历,感觉全中国人人均都会说一句“萨瓦迪卡”,虽然有时候不标准,但足以证明这三个字在我们中国人中间的国民度。那你知道萨瓦迪是什么意思吗?泰国人是什么时候开始互相萨瓦迪的吗?为什么要萨瓦迪呢?今天我们就来为你答疑解惑。

สวัสดี เป็นคําที่คนไทยใช้ทักทายกันในชีวิตประจําวันมากที่สุดคําหนึ่ง ยิ่งถึงเทศกาลขึ้นปีใหม่, คริสต์มาส, สงกรานต์ ก็ยิ่งใช้เปลืองมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า เพราะคนไทยมักจะทักทายกันด้วยวลีที่ว่า “สวัสดีปีใหม่, สวัสดีวันคริสต์มาส, สวัสดีวันสงกรานต์”
萨瓦迪是泰国 人日常生活中最为常见的打招呼用语,尤其是到了新年、圣诞节或者宋干节,听到这个词的频次就更多了,因为泰国人经常说:“新年萨瓦迪”、“圣诞节萨瓦迪”、“宋干节萨瓦迪”。

 “สวัสดี” มาจากไหน?
“萨瓦 迪”是哪来的?

“เมื่อผมเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มนั้น คําว่าสวัสดียังไม่มีใช้ในภาษาไทย…” พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเล่าไว้ในคอลัมน์ “ซอยสวนพูล” (หนังสือพิมพ์สยาม ฉบับวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2534) อ้าว แล้วใครคิดคําว่า “สวัสดี” ขึ้นมาใช้ล่ะ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเล่าต่อไปว่า
“当我还年轻的时 候,‘萨瓦迪’这个词在泰语里还没有…”克立巴莫在Soi Suan Phlu专栏(1991年3月15日周五《Siam》报纸)中写到:诶?那谁发明了“萨瓦迪”这个词呢?克立巴莫继续写到:

“พระยาอุปกิตศิลปสาร ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ในภาษาไทย ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหามากมายที่สุดคนหนึ่งได้บัญญัติศัพท์คำว่าสวัสดีนี้ขึ้นสำหรับให้คนไทยได้ใช้ในการทักทายเมื่อพบปะกัน ให้ใช้ได้เป็นคำทักเมื่อแรกพบและคำลาเมื่อจะจากกัน”
“Phraya Uppakijsilpasarn,一个弟子众多的泰语老师,规定了泰国人在打招呼时要使用‘萨瓦迪’这个词,可以在见面和分别时使用。”

จริงหรือที่ว่าพระยาอุปกิตศิลปสารคิดคำนี้ขึ้นใช้ในภาษาไทย ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ยืนยันไว้ในหนังสือสดุดีบุคคลสำคัญ (สำนักงานส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ พิมพ์เผยแพร่ เมื่อ พ.ศ. 2528) ตอนหนึ่งว่า…
是不是真的是Phraya Uppakijsilpasarn在泰语里发明了这个词呢?Somrot Sawatdikun Na Ayutthaya夫人在《重要人物》(1985年国家形象促进委员会印刷 宣传)一书中提到:

เมื่อ 47 ปีมาแล้ว นิสิตอักษรศาสตร์ปีที่ 1 และ 2 แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับจดหมายลาป่วยของลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 จากอาจารย์ภาษาไทยคนหนึ่ง จดหมายนั้นแจ้งว่า ท่านอาจารย์ผู้นั้นเสียใจจริงๆ ที่ไม่อาจมาสอนในวันสุดท้ายของภาคปลายปีนั้นได้ ทั้งที่ทราบว่าเป็นวันสำคัญที่สุดของปี เพราะถัดมาจากวันนั้นแล้ว มหาวิทยาลัยจะหยุดให้นิสิตดูหนังสือเตรียมตัวสอบไล่ประจำปี
47年前,朱拉隆功大学文学院一年级和二年级的学生收到了一封日期是1935年2月28日的教师请病假信,信件来自一位泰语老师,这封信指明,那位老师非常伤心,在学 年的最后一天不能够来上课,这一天也是一年中最重要的一天,因为过了这天之后,大学将会停课让学生准备考试。

ข้อความในจดหมายที่อาจารย์ลาป่วยต่อลูกศิษย์เขียนมาเป็นข้อๆ ข้อที่ 2 มีใจความอันเป็นประวัติศาสตร์ที่คนไทยปัจจุบันพึงรู้พึงจำเพราะเป็นมรดกวัฒนธรรมทางประเพณีอันทันสมัยแก่คนไทยและชาติไทย ขอคัดมาดังนี้
这封老师的请假 信写成了很多要点,第二点就成了泰国和泰国人应该铭记在心的有重要文化价值的一点,内容是:

“คำว่า ‘สวัสดี’ ที่ครูได้มอบไว้แต่ต้น โปรดจงโปรยคำอมฤตนี้ทุกครั้งเถิด จะใช้ ‘สวัสดี’ ห้วนๆ หรือ ‘สวัสดีขอรับ’ หรือ ‘สวัสดีขอรับคุณครู’ หรือจะเหยาะให้หวานว่า ‘สวัสดีขอรับคุณอาจารย์’ ครูเป็นปลื้มใจทั้งนั้น ถ้าสงเคราะห์ให้ได้รับความปิติยินดีแล้วเมื่อพบครูครั้งแรกไม่ว่าที่ไหนโปรดกล่าวคำนี้ ครูจะปลาบปลื้มเหลือเกิน ยิ่งเป็นที่อื่น เช่น ในกลางถนน บนรถราง ครูปลาบปลื้มเป็นทวีคูณ เพราะจะได้เป็นตัวอย่างแก่สาธารณชนชาวไทยทั่วไป เป็นความจริงนิสิตชายหญิงที่พบครูในที่ต่างๆ และกล่าวคำ ‘สวัสดี’ ทำให้ครูปลาบปลื้มจนต้องไปตรวจดูบัญชีชื่อว่าเป็นใครเสมอ
“老师最开始介绍的‘Sawatdee’这个词,希望大家经常能使用这个词,简单地说‘Sawatdee’或‘Sawatdee Korap’或嘴甜点说‘Sawatdee 老师’等等,老师听了都会很开心。不 管在哪里相见的时候使用这个词,老师都会十分欣喜,尤其是在一些像马路上、电车上的地方,老师更会加倍的开心,因为这样可以为泰国的普罗大众作出榜样,有很多男生女生用Sawatdee和老师打招呼,老师开心得都要打开花名册去查一些这些同学的名字了。”

มีนิสิตหญิงผู้หนึ่ง เธอพบครูและกล่าวว่า ‘สวัสดีค่ะ’ แต่ครูไม่ได้ยิน เธอกล่าวอีกครั้งหนึ่งครูก็ไม่ได้ยิน แต่มีคนอื่นเขาเตือน ครูต้องวิ่งไปขอโทษ กว่าจะทันก็หอบครูจึงขอโทษไว้ก่อน คำอมฤตอันปลาบปลื้มที่สุดของครูนี้ ถ้าครูได้ยินก็จะตอบด้วยความยินดีเสมอ ที่ครูนิ่งไม่ตอบรับเป็นด้วยไม่ได้ยิน เพราะหูตาของครูเข้าเกณฑ์ชราภาพแล้วโปรดให้อภัยครู
“有一个女生,见到老师以后说‘Sawatdee Kha’,但是老师没有听到,她又说一了遍老师还是没有听到,但是其他人听到了提醒老师,老师就跑过去道歉,在老师道歉的 时候,又再次一次听到了这个悦耳的词汇。如果老师能够听到这个词的话会非常开心,有些时候没有听到不回应,是因为老师的耳朵不太灵光了,要原谅老师。”

ขอจงสอบได้ทุกคนเถิดนิสิตที่รักของครูทั้ง 2 ชั้น
希望两个年级 的每位亲爱的同学都能通过考试。

(ลงนาม) พระยาอุปกิตศิลปสาร
(签名)Phraya Uppakijsilpasarn

ก็สรุปได้ว่า พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นผู้คิดคำว่า ‘สวัสดี’ ขึ้นใช้ทักทายเมื่อพบปะกัน เมื่อแรกราว พ.ศ. 2477-2478 ได้มอบคำนี้ให้นิสิตอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ทักทายครูก่อน หลังจากนั้นกรรมการชำระปทานุกรมและกรรมการโปรแกรมวิทยุกระจายเสียก็นำไปใช้ด้วย เป็นเหตุให้คำนี้แพร่หลายไปทั่วประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ และคงจะสืบเนื่องต่อไปอีกนานเท่านาน
可以总结到,Phraya Uppakijsilpasarn是首个发明在打招呼时使用萨瓦迪的人,大约在1934-1935年之间,让朱拉隆功大学文学院的学生先用这个词来和老师打招呼,后来字典委员会和广播委员会就也开始使用这个词,时至今日,在全泰国范围内使用,而且将会长久地使用下去。

ถามว่าพระยาอุปกิตศิลปสารคิดค้นเอาคำว่า ‘สวัสดี’ มาจากไหน? นายจำนงค์ ทองประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านชำระพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถานอธิบายว่า…
那么Phraya Uppakijsilpasarn是从哪里选用的这个词呢?皇家学术委员会字典专家Jamnong Thongprasoet解释到:

“พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้เก็บคำว่า ‘สวัสดิ์’ และ ‘สวัสดี’ ไว้คู่กัน และให้ความหมายไว้ดังนี้ ‘น.ความดี, ความงาม, ความเจริญรุ่งเรือง : คำทักทายหรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน’ เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤตว่า ‘สุ+อสฺติ’ แล้วแผลง อุ เป็น ว จึงเป็น ‘สฺวฺสฺติ’ ตรงกับภาษาบาลีว่า ‘โสตถิ’ ซึ่งมาจากสุ+อตฺถิ ทั้ง ‘อสฺถิ’ และ ‘อตฺถิ’ ล้วนแปลว่า ‘มี’ ทั้งนั้น สุ เป็นค่าอุปสรรค (prefix) แปลว่า ‘ดี, งาม, ง่าย’ ”
“1982年皇家学术委员会共同收录了สวัสดิ์和สวัสดี两个词,释义为:‘名词,美好,繁荣;见面或离别时的用语’,来自梵语,由‘สุ+อสฺติ(อัด-สะ-ติ)构成,后来อุ音变 成了ว,所以变成了สฺวฺสฺติ(สะ-วัด-สฺติ),和巴利语中的โสตถิ一词对应,由สุ+อตฺถิ(อัด-ถิ)构成,อสฺถิ和อตฺถิ都是‘有’的意思,สุ是一个构词前缀,翻译成‘好的,美好的,简单的’。”

เรื่อง “สวัสดี” นี้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อธิบายไว้อย่างลึกซึ้งว่า
关于萨瓦迪,克立巴 莫深入地解释到:

“คำว่าสวัสดีที่ใช้กันในภาษาไทยนั้นเป็นภาษาสันสกฤตเขียนเป็นว่า สฺวสฺติ ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาฝรั่ง เพราะฉะนั้นคำนี้ถ้าถอดกลับเป็นอักษรโรมันเสียอีกทีหนึ่งเป็นคำว่า Svati ก็มีทางที่จะออกเสียงได้ถูกต้องมากที่สุด
“泰语中使用的 萨瓦迪这个词来自梵语的สฺวสฺติ(สะ-วัด-สะ-ติ)一词,梵语是印欧语,因此当把这个词用罗马字母音译出来之后就是Svati,是最正确的发音。”

และคำเดียวกันนี้ก็มีอยู่ในภาษาบาลี ซึ่งคนไทยใช้มาในทางศาสนา เพราะภาษาบาลีเป็นภาษาของศาสนาพุทธซึ่งคนไทยนับถือทั่วไป
这个词在巴 利语中也存在,泰国人在宗教中大量使用这种语言,因为巴利语是泰国人都信奉的佛教的语言。

ในภาษาบาลีนั้น คำว่า สฺวสฺติ ในภาษาสันสกฤตกลายเป็นนคำว่า โสตฺถิ อันเป็นคำที่เราไม่ค่อยจะได้พบเห็นกัน
在巴利语中 ,梵语里的สฺวสฺติ(สะ-วัด-สะ-ติ)变成了โสตฺถิ(โสด-ถิ),这个词部门不太能够看到。

อย่างไรก็ตาม ฮิตเลอร์ถือว่าคำนี้เป็นคำแห่งภาษาอริยกะ อันเป็นภาษาแห่งเผ่าชน ซึ่งฮิตเลอร์เลื่อมใส สนับสนุนส่งเสริมโดยไม่ลืมตา ด้วยเหตุนี้พรรคการเมืองของฮิตเลอร์ คือพรรคชาติสังคมนิยมจึงได้ถือเอาเครื่องหมายสวัสดิกะเป็นเครื่องหมายของพรรค เรียกได้ว่าเป็นมงคลนิมิต
无论如何, 希特勒认为这个词是雅利安语,是希特勒非常敬仰的山地民族,非常支持他们。正因为如此,希特勒的政党就将佛教中的万字符卍(สวัสดิกะ)当作自己的标志,认为非常吉祥。

ดูประวัติความเป็นมาของคำว่า สวัสดิกะ หรือคำว่าสวัสดีตลอดจนเครื่องหมายของคำว่าสวัสดีแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าสวัสดีนั้นมีความหมายแตกต่างกันมากมายเหลือเกิน ในบางครั้งสวัสดีก็หมายถึงเห่อเหิม บ้าอำนาจยกตนเป็นใหญ่กว่าผู้อื่น แต่อีกที่หนึ่ง สวัสดีนี้เองกลับกลายเป็นการสำรวมกาย สำรวมอินทรีย์และการละความชั่วได้ทั้งหมด
如果看万字符的来历或者萨瓦迪这个词和萨瓦迪的符号,可以看到,萨瓦迪的含义和我们熟知的有很大的差别,有时萨瓦迪的意思是迷恋权势,欺压别人。另一方面, 萨瓦迪还有平心静气、谨言慎行和放弃一切邪恶的意思。

พูดง่ายๆ ถ้าสวัสดีนั้นใช้ภาษาบาลีว่า โสตฺถิแล้ว ความหมายของคำนี้เป็นไปในดีอย่างที่ได้ว่ามาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าถ้าใช้รูปสันสกฤตแล้ว คำนี้ก็ยังแปลความว่ารุ่งโรจน์ ความเจริญ ความสุกสว่างอยู่นั่นเอง แต่ว่าดูเหมือนจะเป็นความเจริญความสุขต่างๆ ที่ได้มาด้วยอำนาจด้วยการใช้อำนาจ และด้วยความก้าวร้าวต่อผู้อื่น
简单地说,如果萨瓦迪这个词是巴利语的含义,那就是美好的含义,如果是梵语中的意思,这个词就是繁荣、昌盛的意思,但是一种通过使用权威侵扰他人而获得的 一种繁荣昌盛。

ผมเคยคิดอยู่ในใจหลายปีมาแล้วว่าคำว่า สวัสดี เมื่อเราเอามาใช้ก็น่าจะเอามาใช้ทั้งภาษาสันสกฤตและภาษาบาลี เป็นต้น ว่าผู้ที่กล่าวคําทักจะใช้คําว่าสวัสดี แต่ผู้ที่รับคําทักหรือกําลังจะลาจากไป ก็น่าจะใช้ภาษาบาลีว่า โสตฺถิ อย่างนี้จะเป็นการเพิ่มความร่ำรวยแห่งภาษาขึ้นได้หรือไม่ และจะเป็นการแฝงความหมายอีกเล็กๆ น้อยๆ ที่มีความสําคัญอย่างยิ่งเอาไว้ในคำทักทายของเราด้วยหรือไม่ ?”
我曾经想了好多年,萨瓦迪这个词,我们借用来的可能是梵语和巴利语的两种含义,打招呼的人说萨瓦迪,接受打招呼的人或者正要离开的人,可能用的是巴利语中的โสตฺถิ,这样能不能让我们的语言更加丰富呢?能不能给我们日常生活中常用的打招呼用语带来一点点隐含义呢?

 

平平无奇的萨瓦迪,背后竟然也隐藏着这么多不为人知的历史故事!

 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。