社会在变化,教育作为一个国家的立国之本,也应该随着社会的变化而发展,泰国社会的发展向来活跃,泰国的教育体制也是在不断变化发展的。今天,我们就来看看泰国教育在日新月异的社会发展面前,需要面临哪些调整。

หลังจากที่ โดฟ ได้ปล่อย แคมเปญ #LetHerGrow รณรงค์เพื่อยุติการลงโทษด้วยการตัดผมเด็กนักเรียนไปเมื่อต้นพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระยะเวลาครบรอบสองปี ที่ทางกระทรวงศึกษาธิการได้มีการแก้ไขกฎระเบียบว่าด้วยเรื่องทรงผม แต่จากผลสำรวจ โดย โดฟ ผ่านกลุ่มตัวอย่างของ บริษัท ยูโกฟ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ประกอบด้วย นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้หญิงและครู พบว่า 74% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่าการบังคับตัดผมยังคงมีอยู่เพื่อให้นักเรียนอยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน
在多芬发起了 针对5月份时学生剪头发惩罚发起了名为# LetHerGrow的运动,这也恰逢泰国教育部修改有关学生发型规定的两周年,但是根据调查结果,多芬通过YouGov(泰国)公司的数据,涵盖了学生、家长、女性和教师,发现74%的受访者称在学校中仍然存在着强制剪发的行为。

การเปิดประเด็นนี้ ของโดฟ ผ่านแคมเปญ #LetHerGrow ได้รับเสียงตอบรับโดยทันทีจากผู้คนในสังคม มีการพูดถึง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นมาก โดยเฉพาะคำถามที่มีต่อกฎระเบียบต่างๆ ในโรงเรียนในประเทศไทย ว่าได้สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนไป หรือไม่ และกฎระเบียบในโรงเรียน ไม่ควรไม่ขัดขวางการเรียนรู้ และควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ ค้นหาตัวตน เพื่อที่พวกเขาจะได้เติบโตอย่างมีความสุข มีความมั่นใจ และภาคภูมิใจในตัวตนของตัวเอง จนเกิดเป็นคำถาม “ทรงผม เกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็ก จริงหรือ”
多芬通过#LetHerGrow运动提出的这一现象立刻收到了社会的普遍反应,大家都纷纷表达交流观点,尤其是关于泰国学校中各式各样的规定,到底符不符合已经发生变化的 社会,学校的规定不应当阻碍学习,应该为学生们寻找知识寻求自我提供机会,让学生快乐成长,对自身充满自信,所以最后出现了“发型真的与学生学习相关吗”的问题。

ก่อนเปิดเทอมไม่กี่วัน เราได้เห็นหลายโรงเรียน ออกมาขานรับกฎระเบียบทรงผม “ให้อิสระ” นักเรียนไว้ผมทรงอะไรก็ได้ที่เหมาะสมกับนักเรียน อย่างเช่น ประกาศว่าด้วยระเบียบ "ทรงผม" ในเพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง-Matthayom Wat Thatthong School’
开学前 没几天,我们就注意到很多学校出台了“发型自由”的规定,学生可以留任何适合自己的发型,比如Wat Thatthong中学的主页上就有这样的公告:

“ผมสั้นหรือยาวก็ได้ ให้เป็นไปตามความเหมาะสม”
“长 发和短发都可以,合适就行。”

คือ คำตอบเมื่อมีผู้ถาม “ความเหมาะสมของใคร” แอดมินเพจ ตอบว่า
如果有人问“ 以谁的标准合适?呢”答案是:

“ความเหมาะสมของนักเรียน ที่เขาได้เลือกทรงผมให้เข้ากับหน้าตาของเขาเองค่ะ”
“学生的标准,他 们按照自己的长相选择发型。“

图片内容: Wat Thatthong中学学生发型规定
男生:长短均可,长发的话侧面和后面长度不超过发根,前面和上面长度适中;
女生:长短均可,长发的话长度需要适中,整理得体,佩戴Wat Thatthong中学蝴蝶结。

来源 :
 

ซึ่งการออกมาประกาศผ่านทางโซเซียลของโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก ที่โรงเรียนได้ออกกฎระเบียบ โดยเอา “นักเรียน” เป็นที่ตั้ง และแสดงให้เห็นถึง “โรงเรียน คือ พื้นที่ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับเด็กในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและดีที่สุดในแบบของตัวเอง”
这所学校通过社交媒体发 出这样的公告,受到了广泛好评,学校以学生为出发点颁布规定,展示了“学校在让学生幸福成长为最好的自己和树立信心中的重要作用。”

图片内容:修改发型规定...与时代相适应
√ 头发长短都可以,只需要整理得体。
√颁布学校规定之前需要与学生、教师、家长协商。
√未经协商的就规定无效。
√颁布清晰的执行准则,提供例子,不可以过分或无理由地惩罚。

ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้ให้ความเห็นในปัญหาที่เกิดขึ้นว่า “ปัญหาข้อเรียกร้องเรื่องทรงผมของเด็กนักเรียนที่ยังเกิดขึ้น ถึงแม้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้มีการประกาศแก้ไขกฎระเบียบไปเมื่อสองปีที่แล้ว มาจาก 3 สาเหตุ คือ 1.ระเบียบที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะระเบียบ ศธ. การไว้ทรงผมของนักเรียน ปี 2563 ข้อ 7 ที่กำหนดให้สถานศึกษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ สถานศึกษา วางระเบียบการไว้ทรงผมที่มีความเฉพาะเจาะจงได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ยึดถือหลักความเหมาะสมและการมีส่วนร่วม ซึ่งนักเรียนบางส่วนสะท้อนว่าโรงเรียนไม่ดำเนินการตามระเบียบ และตั้งกฎของโรงเรียนเองขึ้นมา 2. การตีความมีข้อถกเถียงความยาวหรือสั้นแค่ไหน และ 3.การลงโทษที่ผ่านมาพบการลงโทษ เช่น กล้อนผม ประจานนักเรียน หรือใช้คำพูดทำร้ายจิตใจนักเรียน เป็นต้น
泰国发展研究中心主席Somkiat Tangkitcawanit博士对所发生的问题阐述了观点:“仍然在发生学生在发型上有诉求的问题,尽管教育部在两年前就已经修改了相关规定,共有三个原因,一是规定仍不清楚,尤其是教育部2020年关于学生留头发的第七条规定,经过委员会、学校同意后可以留不违反规定的发型,考量是否合适及集 体部分,某些学生认为学校没有按照规定执行,而是建立了学校自己的规定。第二个原因是对头发长短理解的不同。第三个原因是过往的惩罚有剃头、公开批评或用言语伤害学生心理健康等。”

โดยที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปเป็นประธานคณะทำงานยกร่างระเบียบทรงผมนักเรียน และได้มีการประชุมกำหนดแนวทางแก้ไข 3 ประเด็น ดังนี้ 1.ปรับปรุงแก้ไขระเบียบ ศธ. การไว้ทรงผม ปี 2563 ข้อ 7 โดยให้โรงเรียนออกระเบียบทรงผมที่มีความเฉพาะเจาะจงได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของนักเรียน ผู้ปกครองและชุมชนท้องถิ่น ยึดสิทธิของนักเรียน และคำนึงถึงความหลากหลายทางเพศสภาพของนักเรียนด้วย 2.ระดับการไว้ผมสั้น ผมยาว และผมหน้าม้า ให้ออกแนวทางปฏิบัติแนะนำโรงเรียน พร้อมทั้งให้ตัวอย่างที่ดีกับโรงเรียนดำเนินการตาม และ 3.ต้องลงโทษตามระเบียบ ศธ.เท่านั้น คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ห้ามกล้อนผมจนทำให้อับอายและเสื่อมเสียศักดิ์ศรี
在过去,本人也曾参加学生发型规定修订委员会,开会研究了三个修改方向,1.修改2020年教育部学生发型条例中的第七条,规定学校可规定特定的发型,但是必须要有学 生、家长和当地民众的参与,保证学生的权益,要考虑到学生性别的多样性。2.头发的长短、刘海,需要颁布指南和介绍,好需要提供适当的例子。3.只根据教育部规定惩罚,如劝诫、批评书、扣除品行分或其他调整学生行为的方法,禁止剃头导致学生自尊受到伤害。

สำหรับนักเรียน การถูกลงโทษด้วยการตัดผมนั้น มีผลตามมาทั้งสภาพจิตใจและพฤติกรรมการแสดงออกไปจนถึงขั้นอาจทำให้เสียชีวิต และเด็กบางคนไม่อยากไปโรงเรียนเกิดปัญหาหลุดจากระบบการศึกษาตามมา การไม่เลิกทำโทษเด็กในโรงเรียนยังสะท้อน ภาพสังคมที่เน้นอำนาจ หรือ อำนาจนิยม ดังนั้นหาก “อยากให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ ควรปฏิบัติต่อเด็กแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่การใช้อำนาจข่ม”
对于学生来说,把剪头发作为惩罚,会带来心理和行为上的伤害,甚至可能出现死亡的情况,某些学生不想去学校,脱离教育体系,在学校中惩罚学生还体现了社会上 强调权威或者权威主义的现象,因此,“想让学生成熟,应该成熟地对待学生,而不是用权威去压制。”

โดยทั้งหมดนี้ โรงเรียนต้องหารือกับ นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ก่อนออกกฎเฉพาะโรงเรียน การแก้ไขระเบียบต้องมีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันและสอดคล้องกับหลักสิทธิ มนุษยชนการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการมีส่วนร่วม รวมทั้งการป้องกันไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
 之,学校要与学生、教师、家长商议,出台学校具体的规定,修改规定要符合当下的形式,要保证人权和集体利益,还需要保证不出现性别上的歧视。

ควรมีการศึกษาจากตัวอย่าง โรงเรียนที่มีการปรับเปลี่ยน และผลดีที่เกิดขึ้น จากการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน อย่าง โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ ที่มีการรับฟังความคิดเห็นนักเรียนเรื่องทรงผม หรือล่าสุด โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง เป็นต้น
应该进行研究,选取已经进行过调整并取得成绩的学校,收取学生意见,比如Rattanathibet学校,在发型上就听取了学生的意见,还有最近的Wat Thatthong中学。

กฎระเบียบมีไว้ต้องไม่ให้ขวางการเรียนรู้ของเด็ก ต้องปรับให้ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ที่ตื่นตัวเรื่องเพศวิถี และเสรีภาพ และควรมุ่งเน้นให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข มีความมั่นใจ และเติบโตในแบบที่ดีที่สุดของตัวเอง... ดร. สมเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย
现有的规定绝不能阻碍学生学习,需要根据时代的变化而调整,体现性别、自由,让学生幸福学习,自信,成为最好的自己。Somkiat Tangkitcawanit博士最后总结到。

 

大家认为学校真的有必要去规定学生的发型吗?评论区里告诉我们你的想法吧!

 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自sanook,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。