การเพาะปลูกในอินเดีย ก็เหมือนกับการเพาะปลูกในประเทศกำัลังพัฒนาทั้งหลายที่ยังเป็นการเกษตรกรแบบรายย่อย Matim Qaim นักเศรษฐศาสตร์ภาคการเกษตรแห่งมหาวิทยาลัย University of Goettinggen ในเยอรมันนี กล่าวว่า ชาวนาอินเดียหลายล้านคนปลูกฝ้ายโดยใช้พื้นที่ดินเพาะปลูกแค่คนละไม่กี่ไร่เท่านั้น

Qaim ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าชาวนาปลูกฝ้ายส่วนใหญ่ในอินเดียยากจน มีรายได้ต่ำกว่าวันละสองดอลล่าร์ต่อวันหรือหกสิบบาท และมีบางส่วนที่จัดว่ายากจนมากเพราะมีรายได้ต่ำกว่าหนึ่งดอลล่าร์ต่อวันหรือต่ำกว่าสามสิบบาท

Qaim กล่าวว่าชาวนาปลูกฝ้ายในอินเดียเหล่านี้เผชิญกับปัญหาศัตรูพืชมากมายที่ทำลายผลผลิตฝ้าย โดยเฉพาะตัวหนอนฝ้ายหรือ bollworm

หนอนฝ้ายยังเป็นแมลงศัตรูพืชที่คุกคามผลผลิตฝ้ายในสหรัฐอเมริกาด้วย บริษัท Monsanto แห่งสหรัฐ ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชตัดแต่งพันธุกรรม ได้ตัดแต่งพันธุกรรมฝ้ายให้ผลิตสารฆ่าแมลงในตัว เป็นโปรตีนแบคทีเรียที่เรียกว่า Bt

ชาวนาปลูกฝ้ายจำนวนมากทั่วโลกหันไปปลูกฝ้ายตัดแต่งพันธุกรรมกันอย่างแพร่หลาย ผลผลิตฝ้ายในสหรัฐอเมริกาสามในสี่และเ้ก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของผลผลิตฝ้ายในอินเดียเป็นฝ้ายบีที

แต่ คุณ Glenn Stone นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Washington University กล่าวว่า ผู้ไม่เห็นด้วยกับพืชตัดแต่งพันธุกรรมได้แสดงความกังวลในหลายๆประเด็นเกี่ยวกับฝ้ายบีที อาทิ การผูกขาดพันธุ์พืชโดยบริษัทเอกชน การลงทะเบียนเป็นเจ้าของพันธุ์พืช และชาวนาต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ควบคุมโดย บริษัทเอกชนมากขึ้น

นอกจากนี้เมล็ดพันธุ์ฝ้ายบีทีราคาสูงกว่าเมล็ดพันธุ์ฝ้ายธรรมดา ในอินเดีย ผู้คัดค้านฝ้ายตัดแต่งพันธุกรรมกล่าวว่าชาวนาที่ใช้พันธุ์ฝ้ายตัดแต่่งพันธุกรรมมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุให้ชาวนาอินเดียฆ่าตัวตายกันมากขึ้น

แต่ Matim Qaim กล่าวว่า ผลการวิจัยของเขาที่จัดทำนานเจ็ดปีตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2545 ถึง 2551 ได้ข้อสรุปในทางตรงกันข้าม

เขากล่าวว่าชาวนาปลูกฝ้ายบีทีเพิ่มผลผลิตฝ้ายของตนเพราะพืชเสียหายน้อยลงจากตัวหนอน ทำให้รายได้ในครอบครัวเพิ่มขึ้น เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น ความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นตามไปด้วย นักวิจัยมั่นใจว่าผลการศึกษานี้อาจจะช่วยเปลี่ยนทัศนคติของคนทั่วไปเกี่ยวกับพืชตัดแต่งพันธุกรรม หรือพืชจีเอ็ม ด้านคุณ Glenn Stone นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Washington University เห็นด้วยว่าฝ้ายบีทีสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตแก่ชาวนา

แต่เขาแย้งว่าเราต้องมองด้วยว่าข้อดีที่ได้นั้นมีความยั่งยืนมากน้อยแค่ไหน เขากล่าวว่ามีศัตรูพืชอีกหลายชนิดนอกจาก bollworm ที่กำลังกลายเป๋็นปัญหาใหญ่คุกคามการเพาะปลูก ชาวนาต้องใช้สารฆ่าแมลงกันมากขึ้น ปัญหาศัตรูพืชชนิดใหม่ๆนี้อาจจะเป็นตัวบั่นทอนข้อดีของฝ้ายบีที และอาจ จะยังเป็นสาเหตุให้การถกเถียงถึงข้อเสียและข้อดีของพืชตัดแต่งพันธุกรรมดำเนินต่อไป