刻舟求剑的故事告诉我们,人们做事的时候必须从实际出发,特别要关注事态的发展和转型。接下来,让我们一起来看看泰国人是怎么讲述这个经典故事的吧!

สมัยจั้นกว่อหรือยุคสงคราม มีชาวแคว้นฉู่คนหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่ระมัดระวัง ทำให้ดาบที่สะพายตกลงไปกลางแม่น้ำตรงบริเวณกาบเรือพอดี มีคนบอกเขาว่ารีบลงไปงมดาบเถอะ  แต่เขากลับไปทำเครื่องหมายที่เป็นรอยขีดไว้ที่กาบเรือตรงที่่ดาบตกพอดี  พร้อมกับกล่าวว่า ดาบของข้าตกลงจากที่นี่ เมื่อเรือเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว  เขาจึงลงไปในน้ำเพื่องมดาบตามเครื่องหมายที่เขาได้ทำไว้ดังกล่าว   ในเมื่อเรือได้เดินทางมาระยะหนึ่งแล้ว ดาบที่ตกอยู่ในน้ำคงไม่เคลื่อนไปตามเรืออย่างแน่นอน  การไปงมหาดาบด้วยวิธีนี้ย่อมเป็นการเสียแรงเปล่า
战国时代,,有一个楚国人,搭船过江,他一不小心,把佩剑从船边掉入江水中。有人劝他赶快下水打捞,他却在船边落剑的地方,刻了个记号说,我的剑是丛这里掉下去的。船到岸后,他就按照做了记号的地方下水去找剑,船已航行了不少路,剑落入水中,不会跟船走,这样找,自然一无所获。


ต่อมา ชาวจีนได้ผูกสำนวนจากเรื่อง ‘งมหาดาบตามรอยขีดของเรือ’ อุปมาว่า คนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องตั้งต้นจากความเป็นจริงในเชิงภววิสัยและจัดการเรื่องราวต่างๆโดยใส่ใจต่อการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของ
刻舟求剑的故事告诉我们,人们做事的时候必须从实际出发,特别要关注事态的发展和转型。

声明:沪江网高度重视知识产权保护,发现本网站发布的信息包含有侵犯其著作权的链接内容时,请联系我们,我们将做相应处理。

点击阅读更多泰语故事>>