เราเล่นซนตามประสาเด็ก ๆ กันเกือบทุกวัน เช้า ๆ เธอตื่นเช้ากว่าผมก็จะขึ้นไปปลุกผมบนบ้าน โดยใช้วิธีกระโดดทับตัวผมที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง จนผมตกใจสะดุ้งตื่น ต้องรีบลุก ไม่งั้นเธอกระโดดทับอีก ออกไปล้างหน้าแล้วลงไปเล่นกับเธอ เที่ยงก็กลับมากินข้าว จานใครจานมัน แต่กินน้ำกระป๋องเดียวกัน ตกบ่ายก็เล่นกระโดดยาง เย็นก็มานั่งดูโทรทัศน์ พวกไอ้มดแดง หน้ากากเสือ ด้วยกัน ( ไอ้สิ่งเหล่านี้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่เค้าทำกัน เค้าเรียกว่า ออกเดท )
    เวลามีงานปีใหม่ ผู้ใหญ่ก็จะจับเราเต้นประกอบเพลงและต้องเต้นคู่กัน จนได้สตางค์เอามากินขนมกัน หลายวัน ( ถ้าเป็นผู้ใหญ่ทำเค้าเรียกกันว่า ช่วยกันทำมาหากิน ) เวลาผ่านไป พอเราเข้าโรงเรียน ผมก็เริ่มมีเพื่อนผู้ชาย เหมือนน้อยหน่าที่ก็มีเพื่อนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น โลกของผมกว้างใหญ่ขึ้น เริ่มมีจักรยาน ลูกข่าง เป่ากบ เข้ามาในชีวิต แต่ยังไงๆ ผมก็ยังมีกระโดดยาง เล่นขายของ และน้อยหน่า อยู่เหมือนเดิม เรายังคงเล่นด้วยกันอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่ง …….ผ ม เ ป็ น เ ห า !……………………….
    >แม่บอกว่าติดมาจากน้อยหน่า ก็ผมเปียยาวสลวยคู่นั้นแหละ เราโดนเพื่อนล้อ แซวต่าง ๆ นานา เรียก น้อยหน่าว่า อีเหา เรียกผมว่า ไอ้เหา จนแม่ผมต้องเอาใบน้อยหน่ามาคั้นน้ำแล้วโปะหัวไว้ ถึงจะหาย แต่เพื่อน ๆ ก็ยังเรียกผมว่าไอ้เหาอยู่ดี ต่อเมื่อผมเรียนลูกเสือสำรอง ต้องตัดผมเกรียนนั่นแหละที่พวกมันเลิกเรียกชื่อนี้ น้อยหน่าเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้ผมต้องเป็นเหา ผมบอกเธอว่า ติดเหาจากเธอ แต่ใบของเธอก็ทำให้ผมหายจากเหานะ (ไอ้สิ่งที่ผมทำนี้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่เค้าเรียก เกี้ยว )
    >ต่อมาไม่นาน น้อยหน่าก็ตัดผมสั้น โดยบอกเหตุผลว่าต้องเรียนยุวกาชาด แต่ผมว่าเธอต้องกลัวว่าจะ ทำให้ผมติดเหาเธออีกแน่ เธอถึงยอมตัดเปียของเธอทิ้ง ( สิ่งที่เธอทำผู้ใหญ่เค้าเรียกว่า เสียสละเพื่อคนที่ตนรัก ) แต่เพื่อน ๆ ก็ยังคงแซวเราเรื่อย ๆ ว่าผมชอบเล่นกับผู้หญิงบ้าง เป็นเหาเหมือนผู้หญิงบ้าง สงสัยจะ เป็นกระเทย จนผมทนไม่ได้ ต้องพิสูจน์ให้เพื่อนๆเห็นว่า ผมเป็นผู้ชาย การจะเป็นผู้ชายได้นั้น มันต้องเกเร แกล้งผู้หญิง และขี่จักรยานปล่อยมือ เย็นนั้นผมขี่จักรยานแต่ปล่อยมือข้างเดียวนำแก๊งค์ซิ่งของพวกเรา ไปที่วงกระโดดยางที่น้อยหน่าเล่น อยู่ เธอพูดเหมือนทุกครั้งว่า
 >บอล มาช้าอีกแล้ว ไปหาคู่มา แล้วเป่า ฉุบ เลือกข้าง "
>แต่วันนี้ผมไม่ได้ช้า เพราะผมเดินไปถึงคนที่ถือหนังยางตั้งแต่เธอเรียกชื่อ บอล แล้วพร้อมทั้งล้วงเอา กรรไกรออกมาตัดยางที่พวกเธอใช้กระโดดยาง จนขาดเป็นเส้นเล็กเส้นน้อย เธอโมโห วิ่งมาตีผม ผมผลักเธอล้มจนกระโปรงนักเรียนเธอเปิดเห็นกางเกงใน แล้วก็วิ่งหนีขี่จักรยานจากไป ( สิ่งที่ผมทำกับเธอ ผู้ใหญ่ผู้หญิงเค้าเรียกว่า งี่เง่า ) คืนของเย็นนั้น ผมกลับเข้าบ้าน เจอแม่ของน้อยหน่า ถามว่าทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า น้อยหน่ากลับถึงบ้านถึงไม่พูดไม่จา ข้าวปลาไม่กิน ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน ออกมาก็เข้านอนเลย ผิดวิสัยเธอที่ช่างพูด ผมโกหกแกไปว่า วันนี้ยังไม่ได้เจอกันเลย สงสัยทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนมั้งครับ
 

我们以孩子的方式淘气着。每次她比我起得早,她就会到我房间里来叫我起床。她叫我起床的方式就是,站在高处,然后纵身跳下来,压到正在熟睡的我身上。被惊醒的同时,我得赶紧起床,否则她会照样再来一次。洗漱完毕后,就去跟她玩耍。中午就一起吃饭,我们各用一个盘子,可却喝着同一杯水。下午跳皮筋,晚上就看电视。我所做的这些,用大人的话来讲,就是约会。
    每逢新年,长辈们喜欢把我们两人凑在一起跳舞,而后长辈便会给我们买零食的钱。这个,用大人的话来讲就是互帮互助。时间流逝,当我们都进了学校后,我就和男孩儿们做了朋友,就像奈娜,她也和很多女孩儿做了朋友。我的世界变得宽广开来,生活中有了自行车,开始打陀螺,开始吹皮筋。但是无论如何,我还是会玩跳皮筋、卖东西,而奈娜也一如既往,我们也还是和以往一样在一起玩耍。直到……我染上了虱子!!!
    妈妈说,虱子是从奈娜那里来的,就是从她那长长的辫子上来的。大家都拿我们开玩笑,说奈娜是“虱子女”,说我是“虱子男”。后来,母亲用番荔枝的叶子榨汁给我敷头,这才好了,但是朋友们还是在叫我“虱子男”。直到后来我当了预备童子军,推了平头,那时我方才得以摆脱这个绰号。奈娜很难过,因为正是因为她而让我染上了虱子,我则对她说,是你让我染上虱子不假,可你的叶子(奈娜即番荔枝之意)不也让我和虱子说拜拜了嘛。我这么做,用大人的话来讲就是取悦。
    不久后,奈娜就剪了短发,她说那是因为要去参加青年红十字会。可我猜,她一定是怕我因为她再染上虱子,所以才剪的头发。这样,用大人的话来讲,就是为爱牺牲。不过朋友们总是取笑我,说我喜欢和女孩子玩儿,还像女人一样得了虱子,怀疑我怕是个小白脸吧。我忍无可忍了,我必须向大家证明我是个货真价实的男子汉,我必须表现得淘气,和女人做对,放双手骑自行车。那天傍晚,我和一群男孩子来到她家,奈娜她们正在跳皮筋的地方,奈娜像往常那样对我说:“波恩,你又来晚了,赶快去找你的搭档,然后到两边去绷皮筋。”
    我二话没说,就在她喊出我名字的那一刹那,我走过去用剪刀剪断了她们的皮筋,我把皮筋剪成了一段一段的。她很生气,使劲追着我打,我把她一把推倒在地上,掀起的校裙下边露出了她的内裤。我骑着自行车离开了。我这样,用大人的话来讲就是愚蠢。那天回家时,我遇到了奈娜的妈妈,她问我们是不是吵架了,奈娜回家后不说话也不吃饭,把自己关在房间里很长时间,之后就睡了,这和奈娜的脾气相差太大了。我撒谎说,今天还没和她见面呢,可能是和学校的朋友吵架了吧。