从历史上来讲,泰国和缅甸之间大大小小的战争发生过无数次,相信大家在学习历史的时候一定有所耳闻。但是今天我们将带大家从一个新奇的角度来看发生在泰国和缅甸之间的战争,看看战争对于泰国究竟有什么“好处”?

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าในเชิงคู่สงครามเป็นที่เข้าใจว่าพม่าสร้างความเสียหายต่อไทยเหลือคณา อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิชาการที่มองผลกระทบจากสงครามกับพม่าที่มีต่อเสถียรภาพของอยุธยา หากมองอีกด้านก็ส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองในอยุธยาไม่น้อย
大家都知道,泰国和缅甸 之间的战争关系为泰国带来了巨大的损失,这些都是学者们从泰缅战争对于阿瑜陀耶王朝稳定的角度得出的结论,但如果从另一个角度来看,战争也阿瑜陀耶的政治带来了不少稳定。

สงครามช้างเผือกเมื่อ พ.ศ. 2106 ก่อนหน้าการเสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2112 ในช่วงอยุธยาตอนกลาง แตกต่างจากสภาพของสงครามครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2310 กรมพระยาดำรงราชานุภาพอรรถาธิบายในหนังสือ “ไทยรบพม่า” เปรียบเทียบการเสียกรุงทั้งสองครั้งว่า การเสียกรุงครั้งแรก พม่ากวาดต้อนทรัพย์สินและเชลยศึกกลับกรุงหงสาวดีจำนวนมาก แต่ไม่ได้ทำลายพระนครยับเยินเหมือนครั้งหลัง เมื่อพิจารณาเหตุผลจากพระเจ้าหงสาวดี (บุเรงนอง) ซึ่งมาทำสงครามหมายมาเอาเมืองไทยเป็นเมืองขึ้น จับเชลยริบทรัพย์สินตามประเพณีสงคราม และปรารถนาปกครองบ้านเมือง
1563年的白象之战,1569年阿瑜陀耶中期的情况与1767年的被占领时有所不同,丹龙·拉差努帕在《泰缅战争》一书中对两次被占领做出了比较,第一次被占领后,缅甸卷走了大量财富和战俘回到了勃固城,但是没有对阿瑜陀耶进行破坏,缅甸王勃印曩为了将泰国变为属国而发起战争,按照战争的传统掠夺战俘和财富,希望统治他国。

แต่สำหรับครั้งหลัง พระเจ้าอังวะ (พระเจ้าเซงพยูเซง หรือมังระ) ให้กองทัพยกมากวาดต้อนทรัพย์สินและเชลยศึกโดยไม่ได้หวังรักษาเมืองไทยเป็นเมืองขึ้น ตีเมืองไหนได้ก็เผาหมด ไม่ว่าจะเมืองเล็กหรือใหญ่ ความเสียหายจึงมากกว่าครั้งเสียกรุงสมัยพระเจ้าหงสาวดี
第二次的时候,缅 甸王辛标信派军队掠夺战俘和财富,但是并不想占领泰国为属国,打到哪里烧到哪里,不管城池的大小,损失于是就要比第一次失守还要大。

ศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ แสดงความคิดเห็นในหนังสือ “พม่ารบไทย ว่าด้วยการสงครามระหว่างไทยกับพม่า” ว่า สงครามกับพม่าในปี พ.ศ. 2106 และ 2112 ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ส่งผลเชิงบวกต่อเสถียรภาพการเมืองภายในอยุธยา เมื่อดูจากหลักฐานในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา และบันทึกจากต่างชาติซึ่งมีทิศทางเนื้อหาสอดคล้องกันว่า ช่วงหลังการปฏิรูปการปกครองของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991-2031) กลุ่มผู้นำทางการเมืองอยุธยายังชิงอำนาจทางการเมืองกันหลายครั้ง อาทิ กรณีเจ้าอ้าย เจ้ายี่ เจ้าสามพระยา กรณีขุนวรวงศาหรือขุนชินราช และยังมีความขัดแย้งภายในระหว่างราชินิกูลของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับสมเด็จพระมหาธรรมราชา ที่ดำเนินเรื่อยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2106 มายุติลงเมื่อ พ.ศ. 2112
Sunait Chutintaranond教授在《缅泰战争》一书中阐明了自己的观点:“玛哈·查克拉帕在位时期1563年和1569年与缅甸的战争为阿瑜陀耶的政治带来了稳定,可以从阿瑜陀耶的史记与国外的记载看出,这些记载的内容都指出,在波隆摩·戴莱洛迦纳(1448年-1488年)改革后期,发生了多次权力争夺战,还发生了王后家族与玛哈·探玛拉差一世争夺权力的事件,这从1563年开始并一直延续到1569年。”

ท่ามกลางการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในผู้นำการเมืองชั้นสูง บทบาทของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็เข้ามาเกี่ยวข้องกันมากมาย ครั้นสงครามกับพม่าเมื่อ พ.ศ. 2112 ผู้นำทางการเมืองสายสุพรรณบุรีถูกขจัดไปในสถานการณ์สงครามระหว่างไทย-พม่า
在充斥着上层权 力争夺的氛围中,官僚贵族越来越多的被牵扯进来,当1569年战争发生后,素攀武里一支的政治势力在与缅甸的战争中成功被消除。

พระราเมศวร ถูกพม่านำตัวไปในสงคราม พ.ศ. 2106
1563年纳黎轩被 缅甸控制
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สวรรคตก่อนเสียกรุงไม่นาน
玛哈·查克拉帕在都 城被占领后不久驾崩
สมเด็จพระมหินทร์ สิ้นพระชนม์ระหว่างทางขณะถูกพม่านำตัวไป
玛欣他拉提拉在 被缅甸挟持的途中身亡

สถานการณ์ทำให้ผู้นำสายสุโขทัย ตามการเรียกขานของนักประวัติศาสตร์ขึ้นมามีอำนาจภายใต้การนำของสมเด็จพระมหาธรรมราชา ขณะที่ขุนนางผู้ใหญ่ที่สนับสนุนสายสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ถูกถอนรากตามไปด้วย อาทิ ออกญาราม ออกญาจักรี ทำให้พระมหาธรรมราชาสามารถแต่งตั้งคนของฝ่ายตนรั้งตำแหน่งสำคัญ
历史学家认为当时的状况使得素可泰一支的势力处于玛哈·探玛拉差一世的统治之下,同时支持玛哈·查克拉帕的势力也被清除,这可以让玛哈·探玛拉差一世能够成功建立 自己一边的权势范围。

ความเปลี่ยนแปลงทางเสถียรภาพส่งผลเชิงประจักษ์ เมื่ออยุธยาต้านรับการรุกรานของราชอาณาจักรกัมพูชาหลายครั้ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2113-2114, 2121, 2125 และ 2130 การวางรากฐานของสมเด็จพระมหาธรรมราชามาจนถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทำให้ราชการสงครามในระยะต้นมีผลสำเร็จ
政治上的稳定带来了实质的好处,当阿瑜陀耶经受住了从1570-1571,1578, 1582, 1587年多次柬埔寨的侵犯之后,玛哈·探玛拉差一世的统治延续到了纳黎轩大帝,让 战争在初期取得了胜利的果实。

แต่สำหรับการเสียกรุงครั้ง พ.ศ. 2310 แตกต่างกันเนื่องจากพม่าทำลายพระนครและรากฐานอย่างยับเยินอันเป็นผลให้ผู้นำชั้นสูงของไทยเปลี่ยนทัศนะและนโยบายทางทหารต่อพม่า ปรับยุทธศาสตร์ตั้งรับศึกพม่า พยายามยึดครองพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่พม่าเคยใช้เป็นฐานกำลังเมื่อครั้งเสียกรุงก่อนหน้านี้
但是在1767年阿瑜陀耶失守之后情况不同,因为缅甸王破坏了城池,这让泰国王改变了对缅甸的军事看法及政策,采取了新的战略战术,缅甸在占领城池之前就已经控制了重要的战略要地作为军事基地。

สถานภาพของกษัตริย์ถูกขับเน้นออกมาในเชิง “ผู้ปกป้อง” ไม่ว่าสถานะนี้จะคงอยู่มาแต่เดิมก่อนการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นักวิชาการไทยมองว่า สงครามและการเสียกรุงครั้งหลังผลักดันให้ผู้นำไทยสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้นต้องแสดงพระองค์พร้อมประกาศเจตนารมณ์อย่างแน่ชัดในอันที่จะทำสงครามต่อต้านพม่าผู้รุกราน
国王被从统治 者的位置赶下去,不管这一角色曾经延续多久,泰国的历史学者认为,战争和城池的失守让泰国在吞武里王朝和曼谷王朝初期的统治者必须清楚地突出自身并且表达抗击缅甸侵略者的愿望。

อย่างไรก็ตาม ศ.ดร. สุเนตร ระบุว่า ผลสืบเนื่องที่ตามมาจาก “การปกป้อง” ผู้รุกราน นำมาสู่การพยายามตอกย้ำและสร้างภาพพม่าผู้รุกรานในลักษณะฝ่ายอธรรมและมารพระศาสนา พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่ชำระในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้นยุคหลังกรุงแตกพาดพิงพม่าในแง่ตัวแทนความชั่วร้ายหลายรูปแบบ
无论如何 ,Sunait教授提到,根据侵略带来的结果和将缅甸视为侵略者的情况,在吞武里王朝和曼谷王朝初期整理的阿瑜陀耶王朝史记中将缅甸视为了多种邪恶的代表。

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลสืบเนื่องในสังคมต่อกันมาหลายยุคสมัย ไม่ว่าจะในฐานะเครื่องมือการเมือง หรือการสร้างสำนึกหรือความเข้าใจบางอย่าง แม้รัฐบาลหรือคนในสังคมเริ่มตระหรักถึงความจำเป็นในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในยุคสมัยปัจจุบัน แต่นักวิชาการหลายท่านยังมองว่า ในทางปฏิบัติแล้วกลับไม่ได้สะท้อนถึงความตระหนักนั้นมากนัก
这种现象是从很多个时代延续下来的,不管是统治的工具或者还是为了激发某种意识,虽然现代人深知需要维护好当代两国的友好关系,但是很多学者仍然认为,在实际层面并没有反映出多少这种意识。

 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。