相信很多人和泰语君一样还没有听说过医疗旅游这种旅游模式,但大家知道吗?泰国的医疗旅游业可谓发展得风生水起,已经达到了全球第四的水平,这都是因为什么呢?

文章带读:
(音频-可在沪江泰语公众号上收听)
朗读:(泰)ฟ้าใส

ถ้าถามถึงสาเหตุที่ทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หลายคนคงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม ประเพณีและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ตลอดจนผู้คนที่เป็นมิตร แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาไทยกันเป็นจำนวนมาก นั่นคือ การเข้ามารับบริการทางการแพทย์
如果要问,泰国为何会成为全世界游客们的旅游目的地,很多人应该会想到美丽的旅游景点、特色的习俗和文化,还有友善的泰国人民。但大家是否知道,其实还有另一个原因,使得全球的大量游客们纷纷前往泰国。那就是:来这里享受医疗服务。

โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ มากเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกา, ตุรกี และฝรั่งเศส โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 9% ของโลก แล้วอะไรที่ทำให้การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ? เราจะเล่าให้ฟัง
在2019年,泰国因为医疗旅游而得到的收入在亚洲中排名第一, 并且在全球排名第四,仅次于美国、土耳其和法国,占全球市场份额的9%。是什么让泰国的医疗旅游如此成功?我们来告诉大家。

คงไม่ผิดนักถ้าเราจะบอกว่า ธุรกิจโรงพยาบาลและการแพทย์ของประเทศไทย มีศักยภาพ และสามารถแข่งขันได้กับหลายประเทศชั้นนำของโลก โดยปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงปี 2540 ที่ในตอนนั้น ประเทศไทยเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จนทำให้ค่ารักษาพยาบาลของไทยถูกลงมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ทำให้หลาย ๆ โรงพยาบาลเน้นชูการรักษาพยาบาลผู้ป่วยชาวต่างชาติมากขึ้น เพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
如果我们要说泰国的医院和医疗业务十分具有潜力,并且能够与世界上许多前列国家进行竞争,应该是没有错的。而推动泰国成为这个行业中佼佼者的重要因素,从1997年就开始出现了苗头。那时,泰国遭遇了冬阴功危机,泰铢贬值,使得泰国的医疗费用比很多国家都要低,也让很多家医院都更注重为外国病人进行治疗,以用来填补经济低迷所带来的收入下降的影响。

รวมกับรัฐบาลในสมัยนั้น ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการหารายได้เข้าประเทศ จากลูกค้าซึ่งเป็นคนไข้ต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ในปี 2546 รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเพื่อตั้งเป้าให้ประเทศไทยนั้นเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ Medical Hub ชูความเชี่ยวชาญ ทันสมัย ครบวงจร และมีการบริการที่เป็นเลิศในด้านการรักษาพยาบาล
包括那个时代的泰国政府,都看到了来自国外收入的重要性,尤其是那些拥有高购买力的外国病患。由此,在2003年,泰国政府宣布实行将泰国打造成世界健康中心的政策,将专注于专业性、时代性、全面性,还有卓越的医疗服务。

การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์คือหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงของโลกในยุคนี้ ด้วยมูลค่าตลาดรวมที่สูงถึง 4 ล้านล้านบาท จึงทำให้นานาประเทศ ต่างพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้มารักษาตัวในประเทศของตนเอง
ซึ่งประเทศไทยก็คือหนึ่งในนั้น..
医疗旅游是这个时代正来势汹汹的巨大潮流之一,创造了高达4万亿泰铢的市值,所以国际上许多国家都努力吸引各国游客来到自己的国家休养身体,泰国便是其中之一。

โดยจุดแข็งที่ทำให้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทย อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกได้ คือ
泰国之所以能够在医疗旅游方面成为世界领先,其优势如下:

1. คุณภาพของสถานพยาบาล
1.医疗机构质量
ถ้าพูดถึงคุณภาพของสถานพยาบาลแล้ว มาตรฐานสากลที่มักใช้วัดกันก็คือ JCI ซึ่ง Joint Commission International หรือ JCI เป็นองค์กรสากลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่คอยตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อให้การรับรองคุณภาพแก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ใน 72 ประเทศ โดยในประเทศไทยมีสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล JCI อยู่ 61 แห่ง ซึ่งมากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย และบราซิล ซึ่งสถานพยาบาลในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐาน JCI ก็ครอบคลุมแทบทุกกลุ่มโรค และยังกระจายอยู่ในทุกภาคทั่วไทยอีกด้วย
如果要说起医疗机构的质量,国际上经常使用的测量标准是JCI(国际医疗卫生机构认证联合委员会),这个国际组织来自美国,其作用便是检查并且对72个国家的医院质量和安全性做出保证。在泰国接受JCI检阅的医疗机构就有61家,数量达到了全球第四,仅次于阿联酋、沙特阿拉伯和巴西。泰国通过了JCI认证的医疗机构几乎覆盖了所有地区,并且仍然在继续扩大覆盖范围。

ซึ่งตัวเลขนี้มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียหลายประเทศ เช่น
这个数字是大于亚洲其他国家的,比如:
- อินเดีย 39 แห่ง
- ญี่ปุ่น 30 แห่ง
- มาเลเซีย 17 แห่ง
- เกาหลีใต้ 9 แห่ง
- สิงคโปร์ 5 แห่ง
- 印度 39家
- 日本 30家
- 马来西亚 17家
- 韩国 9家
- 新加坡 5家

2. ค่ารักษาพยาบาล
2.治疗费用
ถ้าเทียบกับประเทศที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เหมือนกัน อย่างเช่น เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา, มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ แล้ว ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย จะมีราคาที่ต่ำกว่า โดยเฉพาะในด้านการศัลยกรรมความงาม ที่ประเทศไทยเรามีราคาต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับทุกประเทศ และด้วยจุดเด่นนี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามในไทยกันเป็นจำนวนมาก และสร้างรายได้เข้าประเทศได้มากกว่า 75,000 ล้านบาท ในปี 2019 ที่ผ่านมา
与韩国、美国、马来西亚或新加坡等同样受游客欢迎的医疗旅游国家相比,泰国的医疗费用更低,特别是在整容手术领域,泰国的价格是最低的。当游客在各个国家中做了对比,看到了泰国的这个好处之后,就有很多游客启程前往泰国做整容手术,2019年就为泰国创造了750亿泰铢的收入。

ลองมาดูตัวอย่างค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Angioplasty) ของไทย เทียบกับต่างประเทศ ในปี 2019
让我们看看2019年泰国冠状动脉成形术治疗花销的例子。


- สหรัฐอเมริกา ค่ารักษา 930,000 บาท
- สิงคโปร์ ค่ารักษา 442,000 บาท
- อินเดีย ค่ารักษา 188,000 บาท
- ไทย ค่ารักษา 138,000 บาท
- 美国价格:93万泰铢
- 新加坡价格:44.2万泰铢
- 印度价格:18.8万泰铢
- 泰国价格:13.8万泰铢

เรื่องนี้ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ จำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติเข้ามารักษาตัวกับโรงพยาบาลในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 
这件事也使得来到泰国医院进行治疗的外国病人人数这么多年都一直在增长:


ปี 2002 จำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาในประเทศไทย 0.6 ล้านคน
ปี 2010 จำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาในประเทศไทย 1.8 ล้านคน
ปี 2018 จำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาในประเทศไทย 3.4 ล้านคน
2002年来到泰国进行治疗的外国病患一共有60万人;
2010年来到泰国进行治疗的外国病患一共有180万人;
2018年来到泰国进行治疗的外国病患一共有340万人。


จำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้จากชาวต่างชาติที่มาใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยในปี 2018 รายได้จากชาวต่างชาติที่มาใช้บริการทางการแพทย์นั้น สูงกว่า 32,200 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่า ของปี 2010 ที่ประมาณ 5,300 ล้านบาท
外国病患数量的上升,使得泰国内为外国病患提供医疗服务的收入也跟着上升。2018年上述收入就已经高达322亿泰铢,比2010年的53亿泰铢高了6倍。

3. คุณภาพของบุคลากรทางการแพทย์
3.医务人员质量
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในวันนี้แพทย์ไทยกำลังมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการศัลยกรรมความงาม, การรักษาภาวะมีบุตรยาก และการผ่าตัดแปลงเพศ โดยจะสังเกตได้ว่า ในวงเสวนาทางการแพทย์หลายเวที เรามักจะเห็นแพทย์ของไทยได้เข้าร่วม และได้รับเกียรติให้บรรยายความรู้ สู่สายตาแพทย์ชาวต่างชาติอยู่หลายครั้ง
许多人可能不知道,如今泰国的医学在国际上是很有名的,尤其是在整容手术、不孕不育治疗和变性手术方面。可以观察到,在许多医学论坛上都能看到泰国医生的身影,他们也有很多次很荣幸地向国外医生讲授医学知识。

และนอกจาก 3 ปัจจัยสำคัญเหล่านี้แล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก เช่น
除了这三个非常重要的因素之外,还有另外几个因素也让泰国的医疗旅游产业排在世界前列:
- การมีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่มีชื่อเสียงมากมาย
- การมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ
- การให้สิทธิพิเศษทางวีซ่า แก่ผู้ที่เข้ามาเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์
- 有很多著名的旅游休闲景点
- 生活成本较低
- 为前来进行治疗的人提供特殊签证

โดยนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เข้ามายังประเทศไทย ไม่ได้มีแค่ชาวตะวันตก หรือประเทศแถบตะวันออกกลางเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ทั้งกัมพูชา, ลาว, เมียนมา รวมถึงจีน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่สำคัญที่สุดของไทยไปแล้ว โดยเฉพาะชาวกัมพูชา ที่มีค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ต่อคนสูงที่สุด สูงกว่าประเทศแถบตะวันออกกลางเสียอีก
来到泰国进行医疗旅行的游客不仅来自西方或者中东国家,如今,像柬埔寨、老挝、缅甸,包括中国在内的邻国也逐渐成为泰国医疗旅游最重要的游客群体,尤其是柬埔寨人,人均医疗支出是最高的,比中东国家游客的支出还要高。

ด้วยมาตรฐาน ความเชี่ยวชาญ และปัจจัยเฉพาะตัวของประเทศ ที่ส่งเสริมเช่นนี้ จึงทำให้ไทยเราตั้งเป้าจะเป็น “Medical Hub” หรือ ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ แต่ก็ต้องแข่งขันกับหลายประเทศ ที่ต้องการจะแย่งชิงการเป็นผู้นำในด้านนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น จีน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือสิงคโปร์ ซึ่งการก้าวขึ้นมาเป็น Medical Hub จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สายการบิน, โรงแรม, ร้านอาหาร, สถานที่ท่องเที่ยว, ภาคบริการ ตลอดจนบุคลากร หรือพนักงานที่เกี่ยวข้อง และยังรวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ อย่างเช่น ธุรกิจยา หรือธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
因为质量标准、专业度还有国家自身的特殊因素,泰国定下了要成为“国际健康中心”的目标。但他们还需要和好几个国家进行竞争,想要争夺这个行业领导者的地位,比如中国、阿联酋、新加坡。如果泰国成为了国际健康中心,会给其他行业也带来好处,比如航空、酒店、餐饮、旅游景点、服务业以及相关的工作人员,还包括药业、医疗设备行业等其他和医疗相关的产业,同样也享受了其带来的福利。

อย่างไรก็ตาม สำหรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หากผู้กำหนดนโยบายเดินหน้าผลักดันอย่างไม่สมดุล ก็อาจสร้างผลกระทบในเชิงลบให้กับประเทศได้เช่นกัน เพราะยิ่งการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยเติบโตมากเท่าไร การแย่งชิงบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถ เพื่อไปให้บริการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น..
无论如何,对于医疗旅游来说,如果决策者不能够平衡地将行业进行推进,就同样可能对国家造成负面的影响,因为随着泰国医疗旅游规模的扩大,为了给外国游客提供更好的服务而争夺有能力的的医疗人员这样的事情就会发生地更为频繁。

这种把医疗和旅行结合起来的模式,或许可以促进两方面行业的蓬勃发展,并且带动相关产业的发展,为泰国创造更多收入呢。

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自longtunman,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。