中国和泰国之间的关系在历史上非常久远,自素可泰王朝时期泰国就和中国有了往来,后来逐渐发展成了声势浩大的“朝贡贸易”,泰国王室派出远洋船来到中国,穿上满载泰国的奇珍异宝,敬献给中国皇帝,再从中国皇帝那里获得价值更大的回礼,这样的朝贡贸易关系延续了数百年,但当到了拉玛四世时期,这一切都开始不一样了,到底是怎么回事?一起来看看吧!

สมัยรัชกาลที่ 4 (พ.ศ. 2347-2411) พระองค์รับสั่งให้ “ยกเลิกส่งเครื่องบรรณาการจิ้มก้องกับจีน” ซึ่งดำเนินมาหลายร้อยปี ทั้งทรงมีราชวินิจฉัยว่า เหตุใดการจิ้มกองกับจีนจึงยินยาวมานานนับร้อยๆ ปี
曼谷王朝拉玛 四世王(公元1804-1868年)下令停止和中国进行了几百年的朝贡贸易,那么和中国的朝贡贸易为什么能连续进行数百年呢?

ซึ่งประเด็นดังกล่าวคือหัวข้อหนึ่ง ในงานวิชาการเฉลิมฉลองสัมมนาเรื่อง “200 ปีพระเจ้ากรุงสยาม” เมื่อปี พ.ศ. 2547 ที่เป็นวาระครบรอบ 200 ปีประสูติกาลของรัชกาลที่ 4 ที่มูลนิธิโครงการตําราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ร่วมกับมูลนิธิโตโยต้า ประเทศไทย และบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ จัดขึ้น
上述话题是“ 暹罗国王200年”庆典学术座谈会的话题之一,2004年是拉玛四世王200周年诞辰,本次座谈会由人文学科教科书项目基金会、泰国丰田基金会和丰田汽车公司共同举办。

ภายหลังมูลนิธิโครงการตําราฯ จัดทำเป็นเอกสารชื่อ “โลกของพระเจ้ากรุงสยามกับวิเทโศบาย” โดยอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ อาจารย์กัณฐิกา ศรีอุดม จึงขอนำเนื้อหาบางส่วนมานำเสนอดังนี้
后来,人文学科教 科书项目基金会根据此次座谈会集合成了名为《暹罗国王的世界和外交政策》的文件,Chanvit Kasetsiri和Kanthika Siriudom老师选取了文件中的部分内容做出如下介绍。

ประกาศหมายเลข 309 “เรื่องราชทูตไปเจริญทางพระราชไมตรี” ขนาดยาวเป็นพิเศษออกมาในปี 2411/1868 ปีเดียวกับที่เสด็จสวรรคตนั้น ความตอนหนึ่งว่า “การรับและการส่งพระราชสาส์นไปเมืองจีน เป็นต้นเหตุเดิม มาหลายร้อยปีแล้ว”
超长的309号公告,题为“外交使团增进皇家友谊”,在1868年发出,也是拉玛四世驾崩的这年,其中有一段内容提到:“接收并向中国送出皇家信件,是延续了数百年的起因。”

ประกาศนี้คงจะร่างขึ้นโดยพระจอมเกล้าฯ เอง ดังนั้นถ้อยคําและสํานวนจึง “แข็งแรง” ถึงขนาดกล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีน “หลายร้อยปี” ในระบบ “จิ้มก้อง” และบรรณาการนั้นมีมาได้ก็เพราะ “พระเจ้าแผ่นดินโง่ เสนาบดีเซอะ ราษฎรโซ” นั่นเอง ทั้งยังทรงพรรณนาอย่างละเอียดลออว่า
这份公告由 拉玛四世起草,所以用词十分强硬,提到了中国和泰国的朝贡贸易关系延续数百年,说之所以这样都是因为“国王愚蠢,官员迟钝,民众贫困”,还详细描述了:

ความสัมพันธ์เช่นว่านี้ถูกพ่อค้าสําเภาจีน “หลอก” เพื่อ “จะเก็บสินค้า ของป่าต่างๆ ส่งไปขายในประเทศจีน… พวกจีนทั้งหลาย… ทํามาหากิน จนมั่งมีเงินทอง… จึงลงทุนต่อสําเภาบรรทุก สินค้าต่างๆ ในเมืองไทยไปขายเมือง จีนได้กําไร… (แล้ว) จึงเลือกซื้อสิ่งของที่ประหลาดๆ ต่างๆ ในเมืองกวางตุ้ง เลือกเอาแต่ที่ดีๆ เข้ามาเป็นของถวายพระเจ้าแผ่นดินสยาม… พระเจ้าแผ่นดินไทยได้รับของถวาย แลเสนาบดีไทยได้รับกํานัล ของพวกจีนนั้นๆ ก็มีความยินดีโสมนัสมากเพราะหลงโลภ”
这样的关系是被中国的商船欺骗 了,目的是为了“收集各种野生土产卖到中国…华人通过谋生都变得发达…所以投资将泰国的货物装上商船拿到中国售卖,获得利润后…所以在广东挑选各种珍奇的商品,只选择那些好的来敬献给暹罗国王…暹罗国王获得了敬献品,官员获得利润,华商们也很开心,因为他们贪图利益。”

พระจอมเกล้าฯ ทรงบรรยายต่อไปอย่างชัดเจนว่า ทั้งพระเจ้าแผ่นดิน และขุนนางไทยถูก “อุบาย” ให้ “มีพระราชสาส์นแลเครื่องมงคลราชบรรณาการ… ให้ทูตไทยออกไปเจริญทางพระราชไมตรี… กับพระเจ้าแผ่นดินจีน… โปรดให้…แต่งพระราชสาส์นฉบับหนึ่งเป็นอักษรไทย มีความว่าขอเป็นทางพระราชไมตรีต่อกรุงปักกิ่งเพื่อประโยชน์จะไปมาค้าขาย พระราชสาส์นนั้นให้จานลงในแผ่นทองคํา แล้วม้วนไว้ในกล่องทองคําประดับพลอยต่างๆ สี…
拉玛四世还非常清楚地讲解说,暹罗的国王和贵族都被欺骗说有皇家信件和贡品…让暹罗使团和中国皇帝去建立友好关系…请求国王写了一封泰语的信件,内容是希望暹罗与中国能建立 友好关系,为了彼此之间的商贸利益,这封皇家信件被镀在了金箔中,卷起来收藏在各色宝石装饰的金盒子里面…

พระเจ้าแผ่นดินไทยในเวลานั้นหลงใหล เชื่อคําพวกจีนเหล่านั้นกราบทูลหลอกลวงต่างๆ ช่างโง่เง่าทั้งพระเจ้าแผ่นดินแลเสนาบดี จึงยอมให้จีนพวกนั้นแต่งพระราชสาส์นเป็นหนังสือจีน แต่ว่ารับสั่งว่าให้ล่ามจีนพวกนั้นแต่งตามฉบับสําเนาความในพระราชสาส์นซึ่งเป็นอักษรไทย แลความไทย”
当时的暹罗国王愚 笨,相信了当时华人的话,暹罗的国王和官员太愚蠢了,才会让华人写出了一封中文皇家信件,让华人翻译根据信件的内容翻译出了一封泰语的信件。”

จากนั้นก็ทรงอรรถาธิบายต่ออย่างละเอียดว่า กระบวนการ “จิ้มก้อง” นั้น ทําอย่างไร ฝ่ายไทยต้องเดินทางโดยทะเลไปยังเมืองกวางตุ้งซึ่ง “พระเจ้ากรุงปักกิ่งโปรดพระราชทานที่แผ่นดินแห่งหนึ่ง ที่เมืองกวางตุ้งนั้น เรียกว่า กงกวนเป็นที่ของไทย สําหรับทูตไทยไปจะได้พักอาศัย จัดซื้อของต่างๆ ตามประสงค์ แล้วได้ตึกใหญ่ 4 หลังเป็นที่พัก”
后来又详细解释了“进 贡”的流程,需要怎么做?暹罗的船队要先航行到广东,“中国的皇帝在广东城为暹罗的使团御赐了一块地,让他们在那里休息,可以购买各种东西,还有4栋大房子居住。”

ก่อนที่จะเดินทางทะเลไปกวางตุ้งนั้น พระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ทรงบรรยายรายละเอียดของพิธีกรรมที่เกินเลยไว้ว่า ต้องแห่แหนพระราชสาส์นเป็นการเอิกเกริก กล่าวคือเมื่อออกจากสยาม ก็ “ตั้งบนพานทองคํา 2 ชั้น คือพานแว่นฟ้า แล้วก็เชิญพานพระราชสาส์นตั้งบนบุษบกปิดทองมีคานหาม แต่พวกทูตานุทูตไทยที่จะไปนั้นก็แต่งตัวจนเกินงามในเวลานี้ แต่ในเวลาก่อนนั้นเขาจะเข้าใจว่าเป็นการดีแท้ แต่งตัวสรวมชะฎาทองคํา มีท้ายเชิด แล้วประดับสายสร้อยมะยมทองคําพัวพันคอรุงรัง
在出发去广东 之前,拉玛四世还详细提到了出征前过分繁琐的仪式,需要为皇家信件举行盛大的游行,当信件离开暹罗时,“在盘中放上两层黄金,然后再将信件请出来放在镀金的宝座上,要前往中国的暹罗使臣也是打扮过分华丽,在当时是非常高级的打扮,头戴黄金头冠,后面翘起,颈上还挂满了黄金项链。”

และพระราชสาส์นเมื่อจะออกจากพระราชวังกรุงเก่านั้นก็มีแห่แหนอื้ออึง พานพระราชสาส์นนั้นเชิญขึ้นตั้งบนพระยานุมาศ แลมีเครื่องสูงเทวะดาแห่หน้า หลังมี แตรสังข์ กลองชนะ พิณพาทย์ พลถือธงต่างๆ บางสิ่งแห่หน้าหลัง โห่ร้อง อื้ออึงมาลงเรือเอกไชย เรือรูปสัตว์ต่างๆ ยังมีเรือแห่เป็นขบวนแห่หน้าหลัง คั่งคับตามลงมาส่งจนถึงเมืองสมุทรปราการ แล้วส่งขึ้นเรือใบน้อยๆ เป็นเรือลําเลียง
当皇家信件离开王宫是也有盛大的游行,信件被请出来放置在轿子上,前面有代表神仙身份的高贵器物,后面有螺号、锣鼓、筝琴伴奏,民众们拿着旗子在游行队伍的前后,呼喊下到动 物形状的船中,前后还有游行的船队,声势浩大地送到北榄城,然后送到一艘艘小帆船上。

แต่ลงไปในเรือแล้วยังมิหนําซ้ำให้มีกลองชนะ แตรสังข์ตามไป ประโคมเพื่อจะให้เป็นการสําหรับยศพระราชสาส์น ประโคม 3 เวลาเช้า ค่ำและกลางวันเสมอไป เวลานั้นพระเจ้าแผ่นดินไทยแลเสนาบดีก็มีแต่การ ขวนขวายแต่จะแสดงยศจะอวดอํานาจเจ๊ก ไม่คิดถึงอายอดสูแก่ประเทศอื่นเลย”
送到船上之后还会有螺号和锣鼓跟着,为皇家信件演奏,演奏分为3个时间段,早上、中午和晚上。当时暹罗的国王和官员也非常热衷于此,向华人们炫耀自己的权利,但是没有想到会在其他国家面前 丢脸。”

จากกวางตุ้งก็ต้องเดินทางต่อ โดยทางบกที่ใช้เวลากว่า 3 เดือน ทั้งนี้ทั้งเป็นไปเพื่อเกียรติยศของพระเจ้ากรุงปักกิ่งแต่ฝ่ายเดียว ที่นั่น “พระเจ้ากรุงปักกิ่งก็เสด็จออกรับพระราชสาส์นแลทูตไทย รับเมืองไทยเป็นเมืองก้อง คือรับอย่างหัวเมืองขึ้น พระเจ้ากรุงปักกิ่งพระราชทานหองตั้งพระเจ้าแผ่นดินไทยเป็นเมืองก้องจีนมา คือตั้งเมืองไทยเป็นเมืองขึ้นแก่กรุงปักกิ่ง”
到了广东之后还要继续赶路,在陆路上要行走超过3个月,这都是为了彰显中国皇帝的荣耀,在那里“京城的皇帝会出来迎接来自暹罗的信件和使团,接受暹罗为进贡国,就 好像是接收成为一个附属国一样,中国皇帝将暹罗国王接受为进贡国,就意味着暹罗成为了中国的附属国。”

น่าสนใจที่ในความสัมพันธ์อันไม่เท่าเทียมกันหรือ “เสียมาแต่เดิม” นี้ รัชกาลที่ 4 ก็ทรงให้อรรถาธิบายว่าได้ดําเนิน “ล่วงแล้วกว่า 500 ปีเศษ” (ถ้าคํานวณจากปีที่ทรงเขียนประกาศนี้ คือ 2411/1868 ย้อนกลับไป 500 ปี ก็คือ พ.ศ. 1911 หรือ ค.ศ. 1368 ซึ่งตกในปลายรัชสมัยของพระเจ้า อู่ทองผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาพอดี แสดงว่าทรงมีพระมติว่าระบบ “จิ้มก้อง” ระหว่างไทย-จีนนี้ มีมาแต่สมัยอยุธยา)
值得让人注意的是 这样的不平等关系或称为“从一开始就吃亏”的关系,拉玛四世解释说:“已经延续超过了500年。”(从写这篇公告的年份是1868年算起,往回推500年就是1368年,当时是阿瑜陀耶建国国王乌通王统治的末期,表明中国和暹罗的朝贡贸易关系从阿瑜陀耶时期就已经有了)。

และเหตุที่ดําเนินมานานแสนนาน แม้จะ “เสีย” “อายขายหน้า” ก็เพราะด้านหนึ่ง “ต้นเหตุใหญ่ เพราะว่าหนังสือจีนรู้โดยยากที่สุด ไม่เหมือนหนังสือไทยแลหนังสือต่างประเทศทั้งหลายพอจะรู้ได้บ้าง ก็ไทยแท้มิใช่บุตรจีนรู้หนังสือจีนก็ไม่มี”
尽管吃亏,尽管丢 脸,这种关系能延续数百年的原因一方面是“中文字非常难认,不像泰语文字和其他外国文字,能让人大概读懂,泰国人如果不是华人的后裔是不可能读懂中文的。”

แต่อีกด้านหนึ่งที่สําคัญกว่า และทรงยอมรับก็คือ “กําไร” ดังพระ อรรถาธิบายที่ว่า “ส่งเครื่องบรรณาการไปครั้งหนึ่งครั้งใดก็มีกําไรมากกว่าบรรณาการของที่ส่งไป แล้วพวกทูตานุทูตไทยที่ออกไปเมืองจีนก็ได้เบี้ยเลี้ยง แต่หัวเมืองจีนต่างๆ นั้นๆ ก็จัดซื้อของที่ดีๆ ประหลาดๆ เอามาเป็นของถวายพระเจ้าแผ่นดินไทย แล้วกํานัลเสนาบดีไทย ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินไทยในเวลาล่วงแล้วนั้นไม่มีความกระดากกระเดื่องว่าพวกจีนล่อลวงให้เสียยศ จีนสั่งให้ไปก้องเมื่อไรก็ไปเมื่อนั้น”
但另一方面的原因更加重要,拉玛四世也承认是因为“利益”,“每次朝贡获得物品的价值远高于送去物品的价值,前往中国的暹罗使团也能获得收入,中国各个地方的长 官也会买很多奇珍异宝敬献给暹罗国王和贵族官员,以前的暹罗国王也没有意识到这么做是被某些华人欺骗,中国命令去朝贡就去了。”

ถึงตรงนี้ยังทรงคํานวณให้เห็น “กําไร” เป็นตัวเลขอย่างชัดเจนว่า “เครื่องมงคลราชบรรณาการของไทยไปถวายพระเจ้ากรุงปักกิ่งนั้นรวมหมด เป็นราคาเพียงสัก 50 ชั่ง … (แต่) พระเจ้ากรุงปักกิ่งก็ทรงตอบแทน เครื่องบรรณาการมาให้แก่ กรุงไทยนั้น สิ่งของตอบแทนแต่ล้วนเป็นของมีราคาทั้งนั้น คือแพรอย่างดี สีต่างๆ ราคาก็มากกว่าเครื่องบรรณาการ ของไทยที่ไปนั้นหลายเท่า ทั้งนี้พระเจ้ากรุงปักกิ่งขาดทุนเปล่า ไม่มีกําไร แต่ว่าต้องจําเป็นจําทําเพราะว่าจะแสดงยศอย่างนั้นอย่างนี้ด้วย”
这里来用数字来解释“利益”会更加清楚,“暹罗进贡给中国皇帝的物品总共4000铢,但是中国皇帝作为还礼的物品全部都是非常珍贵的东西,有很好的各色丝绸,价值 是泰国送去贡品的好几倍。总之,中国的皇帝是亏损的,没有利益的,但是为了彰显自身的优越也是必须要做的。

จากประกาศฉบับที่ 309 นี้ พอจะสรุปได้ว่าความสัมพันธ์ในระบบบรรณาการ หรือ “จิ้มก้อง” นี้ยืนยาวอยู่มาได้ก็เพราะ “กําไร” แม้ว่า ไทยจะถูก “หลอก” และ “เสียพระเกียรติยศ” ก็ตามกําไรที่ว่านี้มาจากการแลกเปลี่ยน ค้าขายสินค้าของป่าพื้นเมืองของไทย กับสินค้าฟุ่มเฟือยจากจีน ที่เป็นผ้าแพรไหมและเครื่องถ้วย…
根据309号公告,可以总结到,朝贡贸易能够维持数百年的原因是因为“利益”,虽然暹罗受到欺骗或丧失尊严,但是通过用暹罗的野生土产来交换中国丰盛的回礼,例如丝绸和瓷器等…

 

关于中泰朝贡贸易的说法很多专家学者也有不同的见解,而从利益角度来考量,这场历史的来往,双方都各有利弊,文章的观点只是从泰国的角度给大家提供一个新的视角,大家一定要兼听则明哦!

 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。