ภายในห้องชั้นบนมืดสนิทก่อนที่สูงตองจะรูดเปิดม่านหนาหนักเพื่อรับแสงตะวันที่สาดส่องเข้ามา กะทิหยีตาสู้แสงและพบว่าตัวเองอยู่ในห้องขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของชั้นล่างจุดเด่นของห้องคือโต๊ะทำงานขนาดใหญ่สีขรึม เก้าอี้บุล่างตัวโต๊ะอยู่ด้านหลัง เชิญชวนให้กะทิเดินไปทรุดตัวลงนั่งลุงตองยืนกอดอก ทอดสายตาลงไปเบื้องล่าง มองจากตรงนี้เห็นว่ายน้ำเต็มตาน้ากันต์บอกว่ากะทิอยากว่ายน้ำตอนไหนก็ให้บอก น้ากันต์จะลงเป็นเพื่อน
แต่สำหรับนาทีนี้ กะทิเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของลุงตอง
สีหน้าของลุงเมื่อหันมาหากะทิดูแปลกตากว่าที่เคยไม่มีแววเย้าหยอก ยั่วแหย่ เริงรื่นกับชีวิต ลุงตองผายมือด้วยท่าที่ในอารมณ์ปกติกะทิคงจะหลุดปากออกไปว่าเหมือนมังคคุเทสก์พาชมพิพิธภัณฑ์ กะทิเคยไปทัศนศึกษากับโรงเรียนที่พระที่นั่งวิมานเมฆ ดูจะมีอารมณ์บางอย่างคล้าย ๆ กันกับครั้งนี้ ผิดแต่ครั้งนี้กะทิเป็นผู้ชมเพียงคนเดียว
“แม่ของหนูทิจัดห้องนี้เองตั้งแต่ตอนเริ่มป่วยใหม่ ๆ ก่อนหน้านั้นใช้เป็นห้องทำงานธรรมดา หนูทิดูของในห้องนี้วันเดียวคงไม่หมด เริ่มตั้งแต่มุมโน้นนะ”

在伯伯拉开厚重的窗帘让阳光照射进来之前,佳媞站在楼上那间昏暗的房间里。佳媞在忽然照射进来的阳光下眯着眼睛,这才发现自己正站在一间大小相当于整个一层一半的大房间里。房间里最明显的特点莫过于那张很大很大的办公桌,有着沉闷而严肃的色彩。大办公桌后面放着一张很大的皮面椅子,让佳媞忍不住爬上去蜷起身体坐在上面。伯伯抱着手站在房间里。从这里向外面望过去,可以看见一个很大的泳池。绀舅舅说,要是佳媞什么时候想游泳,绀舅舅随时奉陪。
但此刻,佳媞深深明白,那是是属于伯伯的时刻。
当伯伯转脸看着佳媞时,他的眼神显得奇怪,佳媞从未见过。伯伯的眼眸中,没有了以往那份对生活的幽默和调侃意味。伯伯摊开双手,通常情况下,佳媞恐怕会失口说伯伯真像是个带游客参观博物馆的讲解员。佳媞曾跟着学校去参观过博物馆,那种心情和此刻十分相像,唯一不同的是这次只有佳媞一个观众。
“这个房间是佳媞的妈妈在刚得知自己生病后自己亲手布置的,只不过之前这里只是一间普通的办公室。这个房间里的东西,你看一天恐怕都看不完。先从这个角落开始吧。”

 点击查看更多此系列文章>>